ดัชนีดาวโจนส์พลิกกลับมาเคลื่อนไหวในแดนลบ จากแรงเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากที่ปรับตัวขึ้นในช่วงเปิดตลาด รับตัวเลขจ้างงานสหรัฐที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาดการณ์
ณ เวลา 21.36 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 27,874.72 จุด ร่วงลง 418.01 จุด หรือ -1.48%
ด้านดัชนี S&P 500 ร่วง 2.27% และดัชนี Nasdaq ดิ่งลง 3.96%
ภาวะการซื้อขายถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ยังคงถูกขายออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นแอปเปิลร่วง 4.9% หลังดิ่งลง 8% วานนี้ หุ้นเฟซบุ๊ก เน็ตฟลิกซ์ และแอมะซอน ต่างร่วงลงกว่า 2.5%
หุ้นเทสล่าร่วง 2.4% หลังดิ่งลง 9% วานนี้
ด้านหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น โดยเจพีมอร์แกน เชส และ แบงก์ ออฟ อเมริกา บวกกว่า 2.5%
สำนักงานสถิติแรงงาน กระทรวงแรงงานสหรัฐ รายงานในวันนี้ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 1.4 ล้านตำแหน่งในเดือนส.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 1.255 ล้านตำแหน่ง ซึ่งสะท้อนถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นหลังจากที่หยุดชะงักไปจากผลกระทบของมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขจ้างงานเดือนส.ค.ชะลอตัวลงจากที่เพิ่มขึ้น 1.73 ล้านตำแหน่งในเดือนก.ค. และลดลงอย่างมากจากที่เพิ่มขึ้น 4.79 ล้านตำแหน่งในเดือนมิ.ย.
ส่วนอัตราการว่างงานเดือนส.ค. ลดลงสู่ระดับ 8.4% จากระดับ 10.2% ในเดือนก.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 9.8% โดยนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือนมี.ค.ที่อัตราว่างงานของสหรัฐอยู่ต่ำกว่าระดับ 10% อย่างไรก็ดี อัตราว่างงานก็ยังถือว่าอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับสถิติในช่วงก่อนเกิดวิกฤตโควิด โดยอัตราว่างงานอยู่ที่ระดับ 3.5% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำในรอบ 50 ปี
ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ปิดดิ่งลงถึง 807.77 จุด หรือ -2.78% เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักที่สุดในรอบหลายเดือน เช่นเดียวกับดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ที่ปรับตัวลดลงเช่นกัน หลังเดินหน้าทำนิวไฮมาหลายวัน โดยนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ทะยานขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา