ตลาดหุ้นเอเชียเปิดลบ หลังทรัมป์ระงับเจรจามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 7, 2020 09:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลงในเช้าวันนี้ ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดร่วงลงเมื่อคืน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ได้สั่งการให้คณะบริหารของทำเนียบขาวระงับการเจรจาเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่กับพรรคเดโมแครต ไปจนถึงหลังวันเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 3 พ.ย. ซึ่งข่าวดังกล่าวถือเป็นการดับความหวังของนักลงทุนที่ต่างก็เชื่อมั่นว่า ทำเนียบขาวและพรรคเดโมแครตจะสามารถบรรลุข้อตกลงเพื่อออกมาตรการดังกล่าวในเร็วๆนี้

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 23,272.45 จุด ลดลง 161.28 จุด, -0.69% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,999.79 จุด เพิ่มขึ้น 19.14 จุด, +0.08% ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ที่ 12,667.51 จุด ลดลง 36.72 จุด, -0.29% ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ที่ 2,350.82 จุด ลดลง 15.08 จุด, -0.64% ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ที่ 2,523.19 จุด ลดลง 6.07 จุด, -0.24% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ที่ 1,509.24 จุด ลดลง 0.23 จุด, -0.02%

ตลาดหุ้นจีนปิดทำการวันนี้ เนื่องในวันชาติ

ตลาดหุ้นร่วงลงหลังจากปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความว่า "ผมได้สั่งการให้คณะบริหารของผมระงับการเจรจาเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่กับพรรคเดโมแครต ไปจนถึงหลังวันเลือกตั้ง ซึ่งเมื่อผมชนะการเลือกตั้ง เราก็จะผ่านร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งสำคัญ ซึ่งจะมุ่งเน้นไปที่การให้ความช่วยเหลือชาวอเมริกันที่ทำงานหนัก และภาคธุรกิจขนาดเล็ก"

การตัดสินใจของปธน.ทรัมป์ถือเป็นการดับความหวังของนักลงทุน และยังเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ และนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ พยายามเดินหน้าเจรจาต่อรองกันเกี่ยวกับวงเงินในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่เพื่อเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยพรรคเดโมแครตเสนอวงเงิน 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่คณะบริหารของทำเนียบขาวเสนอวงเงิน 1.6 ล้านล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ การตัดสินใจดังกล่าวของปธน.ทรัมป์มีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาเรียกร้องให้สภาคองเกรสเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากสหรัฐยังคงจำเป็นต้องใช้มาตรการทางการเงินและการคลังเพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น มิฉะนั้นส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและภาคครัวเรือน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ