ดาวโจนส์ฟิวเจอร์พลิกบวก หลังเผยตัวเลขจ้างงานสหรัฐสูงกว่าคาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 6, 2020 21:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พลิกดีดตัวสู่แดนบวก หลังการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานสหรัฐที่สูงกว่าคาดในเดือนต.ค.

ณ เวลา 21.10 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 26 จุด หรือ 0.09% สู่ระดับ 28,323 จุด หลังจากดิ่งลงกว่า 200 จุดในช่วงแรก

กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 638,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 530,000 ตำแหน่ง

ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 6.9% ในเดือนต.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 7.7% หลังจากแตะระดับ 7.9% ในเดือนก.ย.

กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนก.ย. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 672,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 661,000 ตำแหน่ง และปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนส.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 1.493 ล้านตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 1.489 ล้านตำแหน่ง

กระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่าในเดือนต.ค. ภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 906,000 ตำแหน่ง ขณะที่ภาครัฐจ้างงานลดลง 268,000 ตำแหน่ง

นักลงทุนยังคงจับตาความคืบหน้าในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ

สำนักข่าวบลูมเบิร์กและเอพีรายงานว่า นายโจ ไบเดน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต ยังคงมีคะแนนนำประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยได้คะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral Vote) 264 เสียง ขณะที่ปธน.ทรัมป์ได้ 214 เสียง โดยนายไบเดนต้องการอีกเพียง 6 เสียงเท่านั้นก็จะได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งหรือ 270 เสียงจากทั้งหมด 538 เสียง เพื่อชนะการเลือกตั้ง

นักลงทุนจับตาการนับคะแนนเลือกตั้งที่รัฐจอร์เจีย ซึ่งมีคะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้งสูงถึง 16 เสียง ซึ่งหากนายไบเดนคว้าชัยชนะในรัฐนี้ ก็จะส่งให้เขาก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่

ล่าสุด จากการนับคะแนน 99% ในรัฐจอร์เจีย นายไบเดนสามารถพลิกมาแซงปธน.ทรัมป์เป็นครั้งแรก โดยเฉือนกันเพียง 917 คะแนน

หากปธน.ทรัมป์พ่ายแพ้การเลือกตั้งครั้งนี้ เขาจะเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกที่พ่ายแพ้ในการลงชิงชัยประธานาธิบดีสมัยที่ 2 นับตั้งแต่ที่อดีตประธานาธิบดีจอร์จ เอช ดับเบิลยู บุช จากพรรครีพับลิกัน พ่ายแพ้ต่อนายบิล คลินตันจากพรรคเดโมแครตในปี 2535

อย่างไรก็ดี แม้ปธน.ทรัมป์พ่ายแพ้ในการเลือกตั้ง แต่เขาจะทำสถิติใหม่เป็นผู้ที่พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่ได้รับคะแนนเลือกตั้งจากผู้มีสิทธิลงคะแนน (Popular Vote) สูงที่สุดในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งในสหรัฐ

ล่าสุด จากการนับคะแนนเลือกตั้งทุกรัฐจนถึงขณะนี้ ปธน.ทรัมป์ได้รับ Popular Vote จำนวน 69,655,389 เสียง ซึ่งมากกว่าจำนวน 65,853,514 เสียงที่นางฮิลลารี คลินตันได้รับในปี 2559

นอกจากนี้ Popular Vote ที่ปธน.ทรัมป์ได้รับในขณะนี้ ยังมากขึ้น 6.5 ล้านเสียงเมื่อเทียบกับในปี 2559 ซึ่งเขาชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี

ส่วน Popular Vote ของนายไบเดนขณะนี้อยู่ที่ 73,738,164 เสียง ซึ่งก็ได้ทำลายสถิติ Popular Vote สูงสุดในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งของสหรัฐไปแล้ว

ปธน.ทรัมป์ขู่ยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อให้มีการตรวจสอบผลการนับคะแนนในทุกรัฐที่นายไบเดนได้รับชัยชนะ โดยอ้างว่ามีการโกงเลือกตั้ง

อย่างไรก็ดี ปธน.ทรัมป์ไม่ได้ระบุรายละเอียดว่าการโกงเลือกตั้งดังกล่าวได้เกิดขึ้นในรัฐใด และไม่ได้ยกตัวอย่างการทุจริตที่เกิดขึ้น

ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นกว่า 500 จุดวานนี้ ขานรับคาดการณ์ที่ว่า นายไบเดนจะคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดี และพรรครีพับลิกันยังคงครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา ซึ่งจะทำให้นโยบายการปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคลของนายไบเดนอาจไม่ได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรส ทำให้บริษัทจดทะเบียนยังคงได้รับประโยชน์จากนโยบายลดอัตราภาษีของรัฐบาลทรัมป์ต่อไป

นอกจากนี้ การถ่วงดุลอำนาจดังกล่าว จะช่วยลดโอกาสที่รัฐบาลของนายไบเดนจะทำการออกมาตรการคุมเข้มสถาบันการเงิน และบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ