ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวกว่า 100 จุดในวันนี้ ปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน จากอานิสงส์ความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์
ณ เวลา 21.33 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 29,533.66 จุด บวก 112.74 จุด หรือ 0.38%
ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 1,000 จุด หรือราว 4% นับตั้งแต่วันจันทร์ ขานรับความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 รวมทั้งการคว้าชัยชนะของนายโจ ไบเดนในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
ข่าวความคืบหน้าในการผลิตวัคซีนดังกล่าว ส่งผลให้หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ เช่น สายการบิน ค้าปลีก และธุรกิจเรือสำราญ ต่างปรับตัวขึ้น
นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้ดีดตัวขึ้นในวันนี้เช่นกัน
ทางด้านโกลด์แมน แซคส์ประกาศปรับตัวเลขเป้าหมายดัชนี S&P 500 ในปีนี้และปีหน้า ขานรับความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 รวมทั้งการประกาศชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของนายโจ ไบเดน
ทั้งนี้ โกลด์แมน แซคส์ปรับเพิ่มตัวเลขเป้าหมายดัชนี S&P 500 ในช่วงสิ้นปีนี้สู่ระดับ 3,700 จุด และสิ้นปีหน้าสู่ระดับ 4,300 จุด ขานรับ 2 ปัจจัยดังกล่าว
"ถึงแม้นักลงทุนให้ความสำคัญต่อนโยบายของว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แต่วัคซีนโควิด-19 ถือเป็นปัจจัยสำคัญกว่าในการกำหนดทิศทางเศรษฐกิจและตลาดหุ้นในปี 2564" โกลด์แมน แซคส์ระบุ
นอกจากนี้ โกลด์แมน แซคส์ยังได้ปรับเพิ่มตัวเลขเป้าหมายดัชนี STOXX 600 ของตลาดหุ้นยุโรปในช่วงสิ้นปีหน้าสู่ระดับ 430 จุด โดยได้รับอานิสงส์จากการที่ประชาชนได้รับการฉีดวัคซีนโควิด ขณะที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งส่งผลให้บริษัทจดทะเบียนมีกำไรเพิ่มขึ้น
ตลาดหุ้นสหรัฐและตลาดหุ้นทั่วโลกทะยานขึ้นอย่างมากในช่วงต้นสัปดาห์นี้ หลังจากที่ไฟเซอร์ อิงค์ บริษัทยารายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ และ BioNTech บริษัทยาของเยอรมนี แถลงความคืบหน้าครั้งใหญ่ในการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 โดยมีประสิทธิภาพมากกว่า 90% ในการป้องกันไวรัสสำหรับผู้ที่ไม่เคยติดเชื้อมาก่อน และทางบริษัทจะจดทะเบียนวัคซีนต่อสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ในสัปดาห์หน้า ขณะที่คาดว่าจะมีการผลิตวัคซีน 50 ล้านโดสภายในปีนี้ และ 1,300 ล้านโดสในปีหน้า ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19
นอกจากนี้ FDA ยังได้อนุมัติการใช้แอนติบอดีของบริษัทอิไล ลิลลี่ แอนด์ โค (Eli Lilly & Co) ในการรักษาโรคโควิด-19 เป็นกรณีฉุกเฉินสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการเล็กน้อยไปจนถึงปานกลาง
ขณะเดียวกัน ตลาดหุ้นยังได้แรงหนุนจากการที่นายโจ ไบเดน ประกาศชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งได้ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ โดยนายไบเดนให้คำมั่นว่าเขาจะทำให้การถ่ายโอนอำนาจเป็นไปอย่างราบรื่น และจะผลักดันมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมทั้งมาตรการสำคัญอื่นๆ
ส่วนผลการเลือกตั้งในสภาคองเกรสนั้น ล่าสุด พรรคเดโมแครตมีแนวโน้มที่จะยังคงครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ในขณะที่การแข่งขันในวุฒิสภายังคงมีความไม่แน่นอน โดยมีแนวโน้มว่าการเลือกตั้งวุฒิสมาชิกในรัฐจอร์เจียอาจจะต้องตัดสินด้วยการลงคะแนนเสียงรอบสองในเดือนม.ค.
หากนายไบเดนคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ และพรรคเดโมแครตสามารถครองเสียงข้างมากอย่างเบ็ดเสร็จในสภาคองเกรสทั้งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ก็จะทำให้การขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นไปอย่างราบรื่น หลังจากที่ถูกขัดขวางในสมัยของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
แต่ถ้าหากพรรครีพับลิกันยังคงครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา ก็จะส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นเช่นกัน โดยจะทำให้นโยบายการปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคลของนายไบเดนอาจไม่ได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรส ทำให้บริษัทจดทะเบียนยังคงได้รับประโยชน์จากนโยบายลดอัตราภาษีของรัฐบาลทรัมป์ต่อไป
นอกจากนี้ การถ่วงดุลอำนาจดังกล่าว จะช่วยลดโอกาสที่รัฐบาลของนายไบเดนจะทำการออกมาตรการควบคุมกฎระเบียบสถาบันการเงิน และบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐ