ดัชนีดาวโจนส์พลิกดีดตัวสู่แดนบวกเหนือระดับ 30,000 จุดในวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า สำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) จะให้การอนุมัติวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์
ณ เวลา 23.01 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 30,127.19 จุด บวก 57.40 จุด หรือ 0.19% หลังจากร่วงลงในช่วงแรก
นพ.อัลเบิร์ต เบอร์ลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ กล่าวว่า เขาคาดว่าคณะกรรมการที่ปรึกษาของสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) จะให้การอนุมัติต่อวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของทางบริษัท
ทั้งนี้ คณะกรรมการดังกล่าว ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจากภายนอก จะหารือกันในวันพฤหัสบดีนี้เกี่ยวกับการอนุมัติการฉีดวัคซีนของไฟเซอร์ให้แก่ผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป
"เรามีคำตอบสำหรับทุกคำถามที่พวกเขาจะถาม และผมคิดว่าพวกเขาจะลงมติเห็นชอบต่อวัคซีนของเรา เนื่องจากเรามีข้อมูลที่จะสร้างความมั่นใจได้" นพ.เบอร์ลากล่าวFDA เปิดเผยในวันนี้ว่า ข้อมูลจากการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของไฟเซอร์ไม่ได้สร้างความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัย
ทั้งนี้ เอกสารที่มีการเผยแพร่ในเว็บไซต์ของ FDA ในวันนี้ ระบุว่า ข้อมูลการทดลองวัคซีนของทางบริษัทมีความสอดคล้องกับข้อเสนอของ FDA ที่จะให้มีการอนุมัติวัคซีนเป็นกรณีฉุกเฉิน (EUA)
"FDA ได้พิจารณาแล้ว เห็นว่า ทางบริษัทได้ให้ข้อมูลอย่างเพียงพอที่จะสร้างความมั่นใจเกี่ยวกับคุณภาพของวัคซีน และสอดคล้องกับการอนุมัติผลิตภัณฑ์ภายใต้ EUA" FDA ระบุFDA ยังเปิดเผยว่า ข้อมูลระบุว่า วัคซีนของไฟเซอร์ให้ภูมิต้านทานไวรัสโควิด-19 หลังจากที่มีการฉีดในเข็มแรก ก่อนที่จะมีการฉีดเข็มที่ 2 ในอีก 3 สัปดาห์
ทั้งนี้ FDA มีกำหนดจัดการประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาในวันพฤหัสบดีนี้เพื่อพิจารณาคุณสมบัติของวัคซีนต้านโควิด-19 ของไฟเซอร์ ซึ่งหากคณะกรรมการเห็นพ้องให้การอนุมัติวัคซีนดังกล่าว FDA ก็จะประกาศการอนุมัติอย่างเป็นทางการหลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน
ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังคงจับตาความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ
นายสเตนี โฮเยอร์ ผู้นำเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐ เปิดเผยว่า สภาผู้แทนราษฎรจะลงมติต่อร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาล (ชัตดาวน์) เป็นเวลา 1 สัปดาห์ในวันพรุ่งนี้ และเพื่อให้เวลาแก่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมากขึ้นในการเจรจาข้อตกลงในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 9.08 แสนล้านดอลลาร์เพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ทางด้านนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ และนายมิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา แสดงความหวังว่าสภาคองเกรสจะสามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการออกกฎหมายงบประมาณชั่วคราวได้ภายในวันที่ 11 ธ.ค.ซึ่งเป็นวันสุดท้ายก่อนที่หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐจะเผชิญภาวะชัตดาวน์