ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันที่จะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไป แม้คาดการณ์เศรษฐกิจขยายตัวขึ้นก็ตาม ขณะที่การพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มรถยนต์ได้ช่วยหนุนตลาดหุ้นเยอรมนีดีดตัวขึ้นสู่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดตลาดที่ระดับ 426.59 จุด เพิ่มขึ้น 1.68 จุด หรือ +0.40%
ดัชนี CAC 40 ปิดที่ 6,062.79 จุด เพิ่มขึ้น 7.97 จุด หรือ +0.13%, ดัชนี DAX ปิดที่ 14,775.52 จุด เพิ่มขึ้น 178.91 จุด หรือ +1.23% และดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,779.68 จุด เพิ่มขึ้น 17.01 จุด หรือ +0.25%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นทะลุระดับสูงสุดที่เข้าทดสอบในเดือนก.พ.ปีที่แล้วก่อนที่จะเกิดโรคโควิดระบาด ขณะที่ตลาดหุ้นลอนดอนได้แรงหนุนหลังจากธนาคารกลางอังกฤษระบุว่า เศรษฐกิจอังกฤษกำลังฟื้นตัวขึ้น และได้ลงมติตรึงนโยบายอัตราดอกเบี้ยที่ระดับเดิมต่อไป
แต่ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงจากระดับสูงสุดของวันที่เข้าทดสอบในช่วงเช้า เนื่องจากหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค, กลุ่มเคมีภัณฑ์ รวมถึงกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มปรับตัวลง
ส่วนหุ้นกลุ่มที่อ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจ อาทิ หุ้นกลุ่มรถยนต์, กลุ่มธนาคาร และกลุ่มเหมืองแร่ นำตลาดปรับตัวขึ้น ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐดีดตัวขึ้น หลังจากเฟดแถลงผลการประชุม
หุ้นโฟล์คสวาเกน พุ่ง 6.0% และหุ้นเครดิต สวิส พุ่ง 2.5%