ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 0.2% เหตุนักลงทุนกังวลข่าววัคซีนจอห์นสันฯ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 14, 2021 07:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 เม.ย.) ซึ่งสะท้อนให้เห็นความกังวลของนักลงทุน หลังจากสหรัฐระงับการใช้วัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน อันเนื่องมาจากกรณีการพบลิ่มเลือดอุดตันที่เป็นอันตรายในผู้ที่ได้รับวัคซีนของบริษัท

อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นเทสลา ซึ่งทะยานขึ้นถึง 8.6% เพราะนักลงทุนคาดหวังว่าผลประกอบการจะออกมาดี

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,677.27 จุด ลดลง 68.13 จุด หรือ -0.20% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,141.59 จุด เพิ่มขึ้น 13.60 จุด หรือ 0.33% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,996.10 จุด เพิ่มขึ้น 146.10 จุด หรือ 1.05%

หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ปรับตัวลดลง 1.34% หลังจากที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) และสำนักงานอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐ ออกแถลงการณ์ร่วมกัน ระบุข้อแนะนำให้สหรัฐระงับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) เป็นการชั่วคราว ในระหว่างที่ทั้งสองหน่วยงานกำลังตรวจสอบกรณีการเกิดลิ่มเลือดอุดตันที่อาจเป็นอันตรายในผู้หญิง 6 คนที่ได้รับวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน

แถลงการณ์ระบุว่า ช่องทางการกระจายวัคซีนของรัฐบาลกลาง รวมถึงสถานที่ฉีดวัคซีนที่เป็นจุดใหญ่ๆ จะระงับการใช้วัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และคาดว่ารัฐต่างๆ ตลอดจนผู้ให้บริการฉีดวัคซีนรายอื่นๆ จะปฏิบัติตามเช่นเดียวกัน

จนถึงขณะนี้ มีการฉีดวัคซีนจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน มากกว่า 6.8 ล้านโดสแล้วในสหรัฐ

คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของ CDC จะประชุมกันในวันพุธนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับกรณีการพบผู้ที่เกิดลิ่มเลือดอุดตันหลังได้รับวัคซีนของ J&J ขณะที่ทาง FDA จะเริ่มการตรวจสอบกรณีดังกล่าวเช่นเดียวกัน

ผู้เชี่ยวชาญเปิดเผยว่า แม้ข่าวเกี่ยวกับวัคซีนของ J&J จะน่าเป็นห่วง แต่ก็น่าจะเป็นปัจจัยลบระยะสั้นๆ เท่านั้น

ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวขึ้น 0.6% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นอัตราที่รวดเร็วขึ้นหลังจากปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนก.พ. โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันเบนซินที่พุ่งขึ้นถึง 9.1%

ทั้งนี้ เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI เดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 2.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสูงกว่าเดือนก.พ.ที่เพิ่มขึ้น 1.7% และเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงของปี 2561

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี CPI เดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเทียบรายเดือน และ 2.5% เมื่อเทียบรายปี อย่างไรก็ดี นักลงทุนไม่ค่อยมีการตอบสนองต่อข่าว CPI เท่าไรนัก เพราะตลาดซึมซับไปสักพักแล้ว

ด้านสหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB) แถลงว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมปรับตัวขึ้นแตะระดับ 98.2 ในเดือนมี.ค. จากระดับ 95.8 ในเดือนก.พ.

ดัชนีเดือนมี.ค.เป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง และถือเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐ โดยได้แรงหนุนจากการที่หลายรัฐผ่อนคลายหรือยกเลิกข้อจำกัดในการควบคุมโรคระบาด

ทั้งนี้ ธุรกิจขนาดย่อมของสหรัฐคิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของการจ้างงานในภาคเอกชน นักเศรษฐศาสตร์จึงรอดูข้อมูลนี้เพื่อวิเคราะห์ความต้องการภายในประเทศ ตลอดจนแนวโน้มการจ้างงานและค่าจ้างของเศรษฐกิจในภาพกว้าง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ