ภาวะตลาดหุ้นยุโรป: หุ้นยุโรปปิดลบ บอนด์ยีลด์พุ่ง-ขายทำกำไรกดดันตลาด

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (29 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขายหุ้นออกมาเพื่อทำกำไรหลังจากตลาดปรับตัวเข้าใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แม้ว่าหุ้นกลุ่มธนาคารยังคงพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 เดือนหลังการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งก็ตาม ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรยูโรโซนปรับตัวขึ้นอย่างมาก

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดตลาดที่ระดับ 438.77 จุด ลดลง 1.15 จุด หรือ -0.26%

ดัชนี CAC 40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,302.57 จุด ลดลง 4.41 จุด หรือ -0.07%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,154.20 จุด ลดลง 137.98 จุด หรือ -0.90% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,961.48 จุด ลดลง 2.19 จุด หรือ -0.03%

ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลงจากแรงขายทำกำไร เมื่อตลาดปรับตัวเข้าใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่เข้าทดสอบเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่ 443.61 จุด

แต่หุ้นกลุ่มธนาคารยังคงปรับตัวขึ้นสวนทางตลาด หลังธนาคารหลายแห่ง อาทิ สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด, เอชเอสบีซี และแซนแทนเดอร์เปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่ง

หุ้นกลุ่มธนาคารได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยูโรโซนที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 สัปดาห์ หลังสหรัฐและเยอรมนีเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาด

แต่การปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรนั้นได้กดดันหุ้นกลุ่มอื่นๆ โดยเฉพาะกลุ่มที่ปรับตัวตามภาวะเศรษฐกิจซึ่งทะยานขึ้นในปีนี้ โดยหุ้นกลุ่มการเดินทางและสันทนาการซึ่งเป็นกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นมากที่สุดของยุโรปในปีนี้ ปรับตัวลง 0.7% โดยลดลงจากระดับสูงเป็นประวัติการณ์

หุ้นกลุ่มรถยนต์ร่วงลง 2.6% หลังบริษัทฟอร์ดของสหรัฐระบุว่า การขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกอาจทำให้การผลิตรถยนต์ลดลงครึ่งหนึ่งในไตรมาส 2