ดาวโจนส์ปรับตัวลง นักลงทุนผิดหวังตัวเลขเริ่มต้นสร้างบ้าน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 18, 2021 21:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงในวันนี้ หลังการเปิดเผยตัวเลขเริ่มต้นสร้างบ้านที่น่าผิดหวัง

ณ เวลา 21.34 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 34,259.20 จุด ลบ 68.59 จุด หรือ 0.2%

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านดิ่งลง 9.5% ในเดือนเม.ย. สู่ระดับ 1.569 ล้านยูนิต และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.710 ล้านยูนิต

ทั้งนี้ ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านได้รับผลกระทบจากการพุ่งขึ้นของราคาไม้ และวัสดุอื่นๆในการสร้างบ้าน

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ยังได้ปรับลดตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านในเดือนมี.ค. สู่ระดับ 1.733 ล้านยูนิต จากเดิมรายงานที่ระดับ 1.739 ล้านยูนิต

อย่างไรก็ดี ดัชนีดาวโจนส์ยังคงได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่สดใสของบริษัทในกลุ่มค้าปลีก

ขณะนี้ บริษัทมากกว่า 90% ในดัชนี S&P 500 ได้เสร็จสิ้นการรายงานผลประกอบการในไตรมาส 1 แล้ว โดยมีจำนวน 86% ที่รายงานตัวเลขกำไรต่อหุ้น (EPS) ที่สูงเกินคาด ซึ่งเป็นตัวเลขสูงเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ที่ FactSet เริ่มรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในปี 2551

ทั้งนี้ บริษัทวอลมาร์ท ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกใหญ่ที่สุดในโลก, เมซีส์ อิงค์ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ของสหรัฐ และโฮม ดีโปท์ อิงค์ บริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ต่างเปิดเผยกำไรและรายได้ในไตรมาส 1 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยได้รับอานิสงส์จากการที่ผู้บริโภคทำการใช้จ่ายมากขึ้น หลังได้รับเช็คเงินสดจากมาตรการเยียวยาผลกระทบของโควิด-19

ราคาหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีต่างดีดตัวขึ้นในวันนี้ หลังจากดิ่งลงวานนี้ ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ

ตลาดจับตารายงานการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประจำวันที่ 27-28 เม.ย.ที่จะมีการเผยแพร่ในวันพรุ่งนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางนโยบายอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังมีการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเกินคาด

นายราฟาเอล บอสติก ประธานเฟด สาขาแอตแลนตา กล่าวว่า เขามีความพอใจต่อนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายเป็นพิเศษของเฟดในขณะนี้ แม้ว่าเงินเฟ้อกำลังเร่งตัวขึ้น

"เรายังคงมีการจ้างงานต่ำเกินไป 8 ล้านตำแหน่งเมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ทำให้เรายังคงมีช่องว่างในการใช้นโยบายการเงินที่มีการผ่อนคลายอย่างมากต่อไป" นายบอสติกกล่าว

ทั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟด มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมเมื่อเดือนที่แล้ว และระบุว่า เฟดจะยังคงซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อย่างน้อย 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือน

ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 266,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 1,000,000 ตำแหน่ง

ส่วนอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 6.1% ในเดือนเม.ย. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 5.8%

นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐยังเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ดีดตัวขึ้น 0.8% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมี.ค.

เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 4.2% ซึ่งเป็นการดีดตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2551 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.6% หลังจากเพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือนมี.ค.

ตลาดกังวลว่า ตัวเลข CPI ที่พุ่งขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ จะทำให้เฟดชะลอการผ่อนคลายนโยบายการเงิน โดยจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ รวมทั้งลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE เพื่อสกัดเงินเฟ้อ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ