ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นกว่า 200 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดีดตัวขึ้นในคืนนี้ หลังจากดิ่งลงวานนี้
ณ เวลา 18.37 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 222 จุด หรือ 0.65% สู่ระดับ 34,516 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลงกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการฟื้นตัวของตลาดแรงงานสหรัฐ หลังตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
เมื่อพิจารณาตั้งแต่ต้นสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลง 1.1% ดัชนี S&P 500 ร่วงลง 0.7% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง 0.5%
หุ้นที่ร่วงลงวานนี้สามารถฟื้นตัวขึ้นในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดวานนี้ โดยหุ้นกลุ่มธุรกิจเรือสำราญ กลุ่มสายการบิน และธนาคารต่างปรับตัวขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐในวันนี้ ซึ่งช่วยคลายความวิตกเกี่ยวกับภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ นายพาวเวลมีกำหนดกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรส โดยเขาจะกล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันที่ 14 ก.ค. และต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 15 ก.ค.
ตามธรรมเนียมปฏิบัติ ประธานเฟดมีกำหนดกล่าวแถลงการณ์ต่อสภาคองเกรสปีละ 2 ครั้ง โดยครั้งแรกในเดือนก.พ. และอีกครั้งในเดือนก.ค.
นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายพาวเวล เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ, อัตราเงินเฟ้อ, ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ รวมทั้งผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
การแถลงของนายพาวเวลในสัปดาห์หน้าถือว่ามีความสำคัญ เนื่องจากเขาอาจส่งสัญญาณเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หลังจากที่รายงานการประชุมของเฟดประจำเดือนมิ.ย.ระบุว่า กรรมการเฟดได้เริ่มหารือกันเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการปรับลดวงเงิน QE พร้อมกับส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566 ซึ่งเร็วกว่าเดิมถึง 1 ปี และเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 2 ครั้งในปีดังกล่าว