ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (6 ก.ย.) ใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในปีนี้ และตัวเลขยอดสั่งซื้อของโรงงานเยอรมนีที่เพิ่มขึ้นเกินคาดบ่งชี้ว่าอุปสงค์ทั่วโลกกำลังฟื้นตัวขึ้น และได้ช่วยหนุนบรรยากาศการซื้อขาย
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 475.19 จุด เพิ่มขึ้น 3.26 จุด หรือ +0.69%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,743.50 จุด เพิ่มขึ้น 53.51 จุด หรือ +0.80%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,932.12 จุด เพิ่มขึ้น 150.92 จุด หรือ +0.96% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,187.18 จุด เพิ่มขึ้น 48.83 จุด หรือ +0.68%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวเข้าใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 476.16 จุด ซึ่งเข้าทดสอบเมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา แต่การซื้อขายซบเซาตลอดทั้งวันจันทร์เนื่องจากเป็นวันหยุดประจำชาติของสหรัฐ
ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 1.7% ปิดที่ 829.31 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของปีนี้ และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2543 โดยหุ้น ASML และหุ้น Prosus ปรับตัวขึ้นมากที่สุด
ตลาดหุ้นเยอรมนีปรับตัวขึ้น หลังจากการเปิดเผยข้อมูลยอดส่งซื้อของโรงงานในเยอรมนีที่เพิ่มขึ้นในเดือนก.ค.ได้ช่วยหนุนบรรยากาศการซื้อขายโดยบ่งชี้ว่ามีอุปสงค์ที่แข็งแกร่งสำหรับสินค้าของเยอรมนี
บรรดานักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปที่การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในสัปดาห์นี้ ขณะที่ผู้กำหนดนโยบายบางรายเรียกร้องให้ ECB เริ่มปรับลดการซื้อพันธบัตร หลังจากที่เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น และเศรษฐกิจยูโรโซนฟื้นตัว
หุ้นกลุ่มสื่อและกลุ่มค้าปลีก ปรับตัวขึ้นมากที่สุดด้วยเช่นกัน อาทิ หุ้นคาร์ฟูร์ พุ่งขึ้น 1.9% หลังมีข่าวว่า ฝรั่งเศสอาจผ่อนคลายข้อจำกัดด้านสุขภาพซึ่งส่งผลกระทบต่อกิจกรรมของห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่