ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุด บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดีดตัวขึ้นในคืนนี้ ขานรับข่าวดีของวัคซีนบริษัทไฟเซอร์ อิงค์และไบออนเทคในการต้านไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน
ณ เวลา 19.38 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 103 จุด หรือ 0.29% สู่ระดับ 35,815 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นเกือบ 500 จุดเมื่อคืนนี้ โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ขณะที่ดัชนี Nasdaq ทำสถิติทะยานขึ้นมากที่สุดภายในวันเดียวนับตั้งแต่เดือนมี.ค. ขานรับแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
การพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในสัปดาห์นี้ได้ทำให้ทั้ง 3 ดัชนีหลักของตลาดใกล้ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยดัชนีดาวโจนส์อยู่ห่างจากระดับ all time high เพียง 2.3% ขณะที่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq อยู่ห่างราว 1.2% และ 3.2% ตามลำดับ
บริษัทไฟเซอร์ อิงค์และไบออนเทคออกแถลงการณ์ร่วมกันในวันนี้ ระบุว่า วัคซีนของไฟเซอร์/ไบออนเทคจำนวน 3 โดสมีประสิทธิภาพสูงในการสร้างภูมิต้านทานต่อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน
"ถึงแม้การฉีดวัคซีน 2 เข็มช่วยป้องกันอาการรุนแรงของโรคที่เกิดจากไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน แต่ข้อมูลในเบื้องต้นบ่งชี้อย่างชัดเจนว่า การฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 จะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานมากขึ้น ซึ่งข้อมูลนี้บ่งชี้ว่าการฉีดวัคซีน 2 เข็ม ตามด้วยเข็มกระตุ้นยังคงเป็นแนวทางดีที่สุดในการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19" แถลงการณ์ระบุทั้งนี้ ผลการทดลองในเบื้องต้นบ่งชี้ว่า การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นช่วยเพิ่มภูมิต้านทานของแอนติบอดีได้ถึง 25 เท่า เมื่อเทียบกับการฉีดวัคซีนเพียง 2 เข็ม โดยการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ได้ลดความสามารถในการต่อสู้ของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนลงเหลือเท่ากับไวรัสสายพันธุ์ดั้งเดิมซึ่งร่างกายสามารถสร้างภูมิต้านทานด้วยการฉีดวัคซีนเพียง 2 เข็ม
ไฟเซอร์และไบออนเทคเปิดเผยว่า ทางบริษัทสามารถพัฒนาและจำหน่ายวัคซีนสูตรพิเศษที่สามารถต้านสายพันธุ์โอมิครอนได้ภายในเดือนมี.ค.2565
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ โดยดัชนี CPI เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งหากสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ ก็จะเป็นปัจจัยที่ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย