ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์แทบไม่ขยับในวันนี้ ก่อนการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้
ณ เวลา 20.25 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 10 จุด หรือ 0.03% สู่ระดับ 35,553 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน หลังอังกฤษพบผู้เสียชีวิตจากไวรัสโอมิครอนเป็นรายแรกของประเทศ ซึ่งสวนทางกับความเชื่อที่ว่า ไวรัสดังกล่าวจะไม่ทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการรุนแรงจนเสียชีวิต
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันที่ 14-15 ธ.ค.
ก่อนหน้านี้ นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ส่งสัญญาณยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เร็วกว่าที่คาดไว้ ซึ่งจะปูทางให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด
นายพาวเวลกล่าวว่า เฟดอาจปรับลดวงเงิน QE มากกว่าเดือนละ 15,000 ล้านดอลลาร์ โดยเฟดจะมีการหารือกันในการประชุมครั้งนี้
โกลด์แมน แซคส์ออกรายงานคาดการณ์ว่า เฟดจะเพิ่มการปรับลดวงเงิน QE เป็นเดือนละ 30,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากเดิมเดือนละ 15,000 ล้านดอลลาร์ โดยจะปูทางให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.2565 ซึ่งเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่ที่สหรัฐเผชิญการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2563
ทางด้าน FedWatch Tool ของ CME Group ซึ่งวิเคราะห์การซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของสหรัฐ บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% เป็นครั้งแรกในเดือนพ.ค.หรือมิ.ย.2565 และมีแนวโน้ม 61% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปี 2565