ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นมากกว่า 100 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดีดตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ของปี 2565
ณ เวลา 19.21 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 119 จุด หรือ 0.33% สู่ระดับ 36,574 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นกว่า 200 จุด แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในการซื้อขายวานนี้ โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเปิดรับความเสี่ยง หลังคลายความวิตกเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน หลังผลการวิจัยบ่งชี้ว่า ไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนสามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็มีความรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์เดลตา ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตและต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้รัฐบาลของหลายประเทศเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์
หุ้นกลุ่มพลังงาน และกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจ เช่น สายการบินและธุรกิจเรือสำราญ ต่างดีดตัวขึ้นในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดวันนี้ แม้มีรายงานว่าสหรัฐมีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่มากกว่า 1 ล้านรายวานนี้
เจพีมอร์แกน เชส ออกรายงานล่าสุดในวันนี้ระบุว่า "ตลาดหุ้นยังคงมีอัพไซด์ แม้ว่าที่ผ่านมาได้ทะยานขึ้นมากแล้ว ขณะที่ไวรัสโอมิครอนมีความรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์ก่อนหน้านี้ และเราคาดว่าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนจะยังคงเพิ่มขึ้น โดยพุ่งขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้"
ก่อนหน้านี้ เจพีมอร์แกนออกรายงานระบุว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนสอดคล้องกับรูปแบบวิวัฒนาการของไวรัสในอดีต และจะเข้ามาแทนที่สายพันธุ์เดลตา ส่งผลให้โควิด-19 กลายสภาพเป็นเพียงโรคประจำฤดูกาล
นักลงทุนจับตาตัวเลขภาคการผลิตของสหรัฐในวันนี้ รวมทั้งตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์ ซึ่งจะบ่งชี้ภาวะตลาดแรงงานของสหรัฐ ซึ่งหากออกมาแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ก็อาจจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด
ทั้งนี้ ตลาดคาดการณ์ว่า เฟดอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นเดือนที่เฟดยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้