ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 543.34 จุด หลังหุ้นแบงก์-หุ้นเทคโนฯดิ่งหนัก

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday January 19, 2022 06:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 500 จุดในวันอังคาร (18 ม.ค.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มธนาคารดิ่งลงอย่างหนัก หลังจากโกลด์แมน แซคส์ เปิดเผยกำไรลดลงในไตรมาส 4/2564 ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,368.47 จุด ลดลง 543.34 จุด หรือ -1.51%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,577.11 จุด ลดลง 85.74 จุด หรือ -1.84% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,506.90 จุด ลดลง 386.86 จุด หรือ -2.60%

โมนา มาฮาจาน นักวิเคราะห์จากบริษัท Edward Jones Investments กล่าวว่า หุ้นเติบโต (Growth Stocks) ซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย เช่นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ถูกกดดันอย่างหนักหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.87% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี อันเป็นผลมาจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.

ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์รายงานผลสำรวจของแบงก์ ออฟ อเมริกาซึ่งระบุว่า บรรดาผู้จัดการกองทุนได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2551 ขณะที่ผลสำรวจของดอยซ์แบงก์ระบุว่า ผู้จัดการกองทุนส่วนใหญ่เชื่อว่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐเข้าสู่ภาวะฟองสบู่แล้ว

หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง 2.49% โดยหุ้นเมตา แพลทฟอร์มส์ (เฟซบุ๊ก) ดิ่งลง 4.14% หุ้นแอปเปิล ลดลง 1.89% หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 2.43% หุ้นอัลฟาเบท ดิ่งลง 2.5% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 2.83% หุ้นอินเทล ลดลง 1.69%

ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารดิ่งลง 2.3% หลังจากโกลด์แมน แซคส์ วาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยว่า กำไรในไตรมาส 4/2564 ร่วงลง 13% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ระดับ 3.94 พันล้านดอลลาร์ หรือ 10.81 ดอลลาร์/หุ้น ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของ Refinitiv คาดว่าจะอยู่ที่ 11.76 ดอลลาร์/หุ้น โดยสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากค่าใช้จ่ายด้านการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น 23% แตะที่ 7.27 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 6.77 พันล้านดอลลาร์

ทั้งนี้ หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดิ่งลง 6.97% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 3.44% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 4.93% หุ้นเจพีมอร์แกน ร่วงลง 4.19% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ลดลง 2.34% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ร่วงลง 2.43%

หุ้นไฟเซอร์ ปรับตัวลง 1.53% หลังจากศูนย์การแพทย์เชบา (Sheba Medical Center) ของอิสราเอลเปิดเผยผลการวิจัยเบื้องต้นระบุว่า วัคซีนเข็มที่ 4 ของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน

อย่างไรก็ดี ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น 0.4% หลังราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 ปี โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 1.71% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 0.29% หุ้นโคโนโคฟิลลิปส์ เพิ่มขึ้น 0.81% หุ้นออกซิเดนเชียล ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 1.49%

นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 25-26 ม.ค.นี้ เพื่อรอดูความชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนได้ออกมาส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค.

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ด้วย ซึ่งได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนม.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนธ.ค.จาก Conference Board


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ