ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวผันผวน โดยแกว่งตัวสลับแดนบวกลบ ก่อนการเปิดเผยรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในคืนนี้
ณ เวลา 20.58 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 31,968.64 จุด บวก 40.02 จุด หรือ 0.13% หลังจากปรับตัวลงในช่วงแรก
ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวกเพียง 0.15% ในการซื้อขายวานนี้ หลังการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ ขณะที่ดัชนี Nasdaq ดิ่งลงกว่า 2% โดยถูกกดดันจากการทรุดตัวลงของหุ้นสแนปและหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
นักลงทุนจับตารายงานการประชุมประจำเดือนพ.ค.ของเฟด ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้ เพื่อหาทิศทางอัตราดอกเบี้ยและการปรับลดขนาดงบดุล (Quantitative Tightening : QT) ของเฟด
ทั้งนี้ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.50% ในการประชุมนโยบายการเงินอีก 2 ครั้ง ทั้งในเดือนมิ.ย.และก.ค. หลังจากที่เฟดเพิ่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนพ.ค. เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2543 และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 20 ปี
ขณะเดียวกัน เฟดเตรียมปรับลดขนาดงบดุล โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนมิ.ย. ซึ่งเฟดจะลดขนาดงบดุลในวงเงิน 4.75 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน และหลังจากนั้น 3 เดือน เฟดจะเพิ่มการลดขนาดงบดุลเป็น 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนเม.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมี.ค.
ทั้งนี้ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนในเดือนเม.ย.ได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อเครื่องบิน
ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย. แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.5% หลังจากพุ่งขึ้น 1.1% ในเดือนมี.ค.