ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดดิ่งลงกว่า 400 จุด บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะทรุดตัวลงในคืนนี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ณ เวลา 18.50 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 410 จุด หรือ 1.32% สู่ระดับ 30,589 จุด
วันนี้เป็นวันสุดท้ายสำหรับการซื้อขายหุ้นในเดือนมิ.ย. รวมทั้งเป็นวันสุดท้ายสำหรับไตรมาส 2 และครึ่งแรกของปี 2565
ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์, S&P 500 และ Nasdaq มีแนวโน้มปรับตัวลงในเดือนมิ.ย. ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ และ S&P 500 มีแนวโน้มทำสถิติปรับตัวย่ำแย่ที่สุดเทียบรายไตรมาสนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่วนดัชนี Nasdaq มีแนวโน้มทำสถิติทรุดตัวลงมากที่สุดเทียบรายไตรมาสนับตั้งแต่ปี 2551
นอกจากนี้ ดัชนี S&P 500 ดิ่งลง 20% นับตั้งแต่ต้นปี และมีแนวโน้มทำสถิติทรุดตัวลงมากที่สุดเทียบรายครึ่งปีนับตั้งแต่ปี 2513
นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังจากที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/65 หดตัว 1.6% ซึ่งหากเศรษฐกิจสหรัฐหดตัวต่อไปในไตรมาส 2/65 ก็จะทำให้สหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากเศรษฐกิจหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน
นอกจากนี้ ตลาดยังวิตกว่าการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะฉุดให้เศรษฐกิจถดถอย หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ยืนยันวานนี้ว่า เฟดจะเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ แม้จะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลงก็ตาม
นายแอนดรูว์ บอลส์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนระดับโลกของบริษัทแปซิฟิก อินเวสเมนท์ แมเนจเมนท์ โค หรือพิมโค ซึ่งเป็นหนึ่งในกองทุนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ระบุเตือนว่า สหรัฐอาจเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วง 12 เดือนข้างหน้า
"การเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐในช่วง 12 เดือนข้างหน้า เป็นสิ่งที่มีโอกาสเกิดขึ้นมากกว่าที่จะไม่เกิดขึ้น โดยมีโอกาสเกิดขึ้น 50% หรือมากกว่า ซึ่งคุณจะเห็นเศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างมาก ขณะที่ยุโรปมีแนวโน้มเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยเช่นกัน และอาจมีโอกาสสูงกว่าสหรัฐ" นายบอลส์กล่าว
นายบอลส์ยังระบุว่า ธนาคารกลางต่างๆพยายามมุ่งเน้นในการรักษาความน่าเชื่อถือในการสกัดเงินเฟ้อ โดยธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 0.75-1.00% "ซึ่งถือว่ามาก เนื่องจากเริ่มจากอัตราดอกเบี้ยติดลบ"
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันนี้ ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ และอาจบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด