บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (General Motors Co.) ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของสหรัฐฯ ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการทั้งปี 2568 เนื่องจากประเมินว่า มาตรการภาษีรถยนต์ของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะส่งผลกระทบต่อผลกำไรของบริษัทสูงถึงราว 4-5 พันล้านดอลลาร์
การคาดการณ์ที่ปรับปรุงใหม่นี้ "รวมผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับภาษีศุลกากรซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ 4-5 พันล้านดอลลาร์ โดยอิงจากสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบและนโยบายปัจจุบัน" บริษัทระบุในแถลงการณ์วันนี้ (1 พ.ค.)
GM คาดการณ์กำไรต่อหุ้นในปี 2568 อยู่ที่ 8.25-10.00 ดอลลาร์ ลดลงจาก 11.00-12.00 ดอลลาร์ในการประมาณการครั้งก่อน และปรับลดการคาดการณ์กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT) ลงเหลือ 1.00-1.25 หมื่นล้านดอลลาร์ จาก 1.37-1.57 หมื่นล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ บริษัทยังได้ปรับลดการคาดการณ์กำไรสุทธิเป็น 8.20-1.01 หมื่นล้านดอลลาร์ จาก 1.12-1.25 หมื่นล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ดี บริษัทคาดว่าจะ "ชดเชยความเสี่ยงนี้ได้อย่างน้อย 30%" ผ่านการดำเนินการของฝ่ายบริหารในสัปดาห์นี้ โดยอ้างถึงการผลิตในสหรัฐฯ และการยกเลิกการเก็บภาษีซ้ำซ้อน นอกจากนี้ GM ยังระบุอีกด้วยว่า กระแสเงินสดอิสระที่ปรับประมาณการใหม่ทำให้บริษัทสามารถลงทุนในนวัตกรรมและการผลิตในสหรัฐฯ ต่อไปได้
แมรี บาร์รา ซีอีโอ ระบุในจดหมายถึงผู้ถือหุ้นว่า บริษัทได้หารือกับประธานาธิบดีและคณะตั้งแต่ก่อนเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนม.ค. และหวังว่าจะยังคงมีการเจรจากับฝ่ายบริหารเกี่ยวกับการค้าและนโยบายอื่น ๆ ต่อไป นอกจากนี้ GM ยังได้หารืออย่างต่อเนื่องกับคู่ค้ารายสำคัญด้วย
ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้เกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (29 เม.ย.) GM ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ Chevrolet และ Cadillac รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกดีเกินคาด แต่เลื่อนการอัปเดตแนวทางผลประกอบการทั้งปีออกมาเป็นวันนี้ ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาษีรถยนต์
หุ้นของ GM เพิ่มขึ้นมากกว่า 1% ในวันนี้ หลังจากร่วงลง 4.2% ในช่วงสองวันนับตั้งแต่บริษัทรายงานผลประกอบการ ทั้งนี้ ราคาหุ้น GM ร่วงลงไปแล้วราว 14% นับตั้งแต่ต้นปีนี้