โอเพนเอไอ (OpenAI) เจ้าของแชตจีพีที (ChatGPT) ประกาศระงับแผนปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ โดยยืนยันว่า องค์กรแม่ที่ไม่แสวงหาผลกำไรจะยังคงกุมบังเหียนต่อไปเหมือนเดิม
เมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว โอเพนเอไอมีแผนปรับโครงสร้าง โดยเปลี่ยนบริษัทลูกที่แสวงหากำไรไปเป็นบริษัทที่มีเป้าหมายเพื่อประโยชน์สาธารณะ (Public Benefit Corporation หรือ PBC) ซึ่งเป็นโครงสร้างที่ต้องสร้างสมดุลระหว่างการทำกำไรกับเป้าหมายเพื่อสังคม แตกต่างจากองค์กรไม่แสวงผลกำไรที่มุ่งเน้นประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก ภายใต้แผนเดิมนั้น องค์กรแม่ที่ไม่แสวงผลกำไรจะลดบทบาทลงเหลือแค่การเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ แต่จะสละอำนาจควบคุมโอเพนเอไอ
แต่ล่าสุด เมื่อวันจันทร์ (5 พ.ค.) โอเพนเอไอยืนยันว่า องค์กรแม่ที่ไม่แสวงผลกำไรจะยังคงควบคุม PBC ต่อไป และจะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ด้วย อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเดินหน้าตามแผนปรับโครงสร้างบริษัทลูกที่แสวงหากำไร เพื่อให้สามารถระดมทุนได้มากขึ้นเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในสมรภูมิ AI
ถึงกระนั้น รายละเอียดของแผนใหม่ยังคงคลุมเครือว่า องค์กรแม่ที่ไม่แสวงผลกำไรจะมีอำนาจควบคุมที่แท้จริงในระดับใด เพราะภายใต้โครงสร้างปัจจุบัน องค์กรแม่ที่ไม่แสวงผลกำไรของโอเพนเอไอเป็นเจ้าของบริษัทลูกที่แสวงหากำไรทั้งหมด และภารกิจหลักของบอร์ดบริหารคือการทำให้แน่ใจว่า "ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป (AGI) จะเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ" ไม่ใช่การสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้น
นอกจากนี้ ประกาศดังกล่าวยังมีขึ้นท่ามกลางคดีฟ้องร้องจากคู่แข่งและผู้ร่วมก่อตั้งอย่างอีลอน มัสก์ ซึ่งพยายามขัดขวางไม่ให้โอเพนเอไอหลุดจากการควบคุมโดยองค์กรแม่ที่ไม่แสวงหาผลกำไร โดยคดีนี้มีกำหนดการพิจารณาโดยคณะลูกขุนในเดือนมี.ค. 2569
ฝั่งทนายความของมัสก์ยืนยันว่า ยังไม่มีแผนถอนฟ้องโอเพนเอไอ และวิจารณ์ว่า ประกาศครั้งนี้ปิดบังรายละเอียดสำคัญเรื่อง "การควบคุมโดยองค์กรไม่แสวงผลกำไร" โดยแม้จะยังเรียกว่าควบคุม แต่สัดส่วนหุ้นที่องค์กรแม่จะถืออยู่ในบริษัทลูกที่แสวงหาผลกำไรที่มีแซม อัลท์แมน เป็นซีอีโออยู่นั้น จะถูกลดทอนลงไปอย่างมาก เมื่อเทียบกับโครงสร้างปัจจุบัน ซึ่งองค์กรแม่เป็นผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่อยู่