เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (Frasers Property) ได้ยื่นข้อเสนอเป็นครั้งที่สองเพื่อเข้าซื้อกิจการทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์กลุ่มโรงแรมของเฟรเซอร์ส (REIT) ที่มูลค่า 1.37 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ส่งผลให้ราคาหุ้นของทรัสต์ดังกล่าวดีดตัวขึ้น 4.5% แตะที่ 0.695 ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อหุ้น พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 30 เดือน
แถลงการณ์ร่วมวันนี้ (14 พ.ค.) ระบุว่า บริษัทแม่ได้เสนอซื้อหุ้น เฟรเซอร์ส ฮอสปิตัลลิตี้ ทรัสต์ (Frasers Hospitality Trust หรือ FHT) ที่ตนยังไม่ได้ถือครองทั้งหมด ในราคาหุ้นละ 0.71 ดอลลาร์สิงคโปร์ คิดเป็นพรีเมียม 6.8% จากราคาปิดล่าสุดของหน่วยลงทุนดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ เคยพยายามเสนอซื้อกิจการมาแล้วครั้งหนึ่งในปี 2565 ที่ราคาหุ้นละ 0.70 ดอลลาร์สิงคโปร์ แต่ไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นถึงเกณฑ์ที่กำหนดไว้ที่ 75%
ข้อมูลจาก LSEG ระบุว่า ปัจจุบันเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี และครอบครัวถือครองหุ้นใน FHT รวมกันมากกว่า 60%
แถลงการณ์ร่วมระบุว่า "โดยธรรมชาติแล้ว ทรัสต์กลุ่มโรงแรมมีความเสี่ยงต่อความผันผวนทางธุรกิจมากกว่า จากลักษณะการเข้าพักระยะสั้น และการที่ต้องมีรายจ่ายฝ่ายทุนเพื่อปรับปรุงสินทรัพย์เป็นระยะ"
เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ยังระบุเพิ่มเติมว่า FHT จะยังคงเผชิญข้อจำกัดจากความท้าทายทางเศรษฐกิจมหภาคและข้อจำกัดเชิงโครงสร้าง ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อความสามารถในการเพิ่มการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนต่อหน่วย (DPS) และมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV)
เฟรเซอร์ส ฮอสปิตัลลิตี้ ทรัสต์ ซึ่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์เมื่อปี 2557 ปัจจุบันบริหารพอร์ตสินทรัพย์กลุ่มโรงแรม 14 แห่ง ประกอบด้วยโรงแรมและเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ใน 9 เมืองทั่วเอเชีย ออสเตรเลีย และยุโรป
เอริก กัน ซีอีโอของผู้จัดการเฟรเซอร์ส ฮอสปิตัลลิตี้ ทรัสต์ กล่าวว่า "แม้พอร์ตโฟลิโอของเราจะแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง แต่การเติบโตอย่างยั่งยืนก็ถูกจำกัดด้วยผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ไม่เอื้ออำนวยอย่างต่อเนื่อง แรงกดดันด้านต้นทุนจากภาวะเงินเฟ้อ และสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ในภาพรวม ตั้งแต่ Brexit ไปจนถึงความตึงเครียดทางการค้าที่เพิ่มสูงขึ้น และระบบภาษีโลกที่เปลี่ยนแปลงไป"