ตลาดหุ้นอิสราเอลทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และทำผลงานแข็งแกร่งที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ในตะวันออกกลาง แม้อิสราเอลเผชิญกับภาวะสงครามเป็นเวลาเกือบ 2 ปีนับตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค. 2566
ในตอนแรกนั้น ดัชนีตลาดหุ้นเทลอาวีฟ (TASE) ดิ่งลงรุนแรงถึง 23% เพียงเดือนเดียวหลังจากที่อิสราเอลถูกกลุ่มฮามาสโจมตีในเดือนต.ค. 2566 และทำให้อิสราเอลประกาศสงครามกับฮามาสในเวลานั้น แต่ในไตรมาสแรกของ 2567 ดัชนี TASE ฟื้นตัวและดีดตัวขึ้นสูงกว่าระดับก่อนเกิดสงคราม และล่าสุด ณ วันที่ 17 ก.ค.ปีนี้ ดัชนี TASE ทะยานขึ้นกว่า 200% จากระดับต่ำสุดในเดือนต.ค. 2566
ทางด้านเศรษฐกิจนั้น ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4 ปี 2566 ของอิสราเอลทรุดตัวลงเกือบ 20% หลังจากการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนหดตัวลงอย่างรุนแรงอันเนื่องจากสงคราม อย่างไรก็ตาม ตลอดทั้งปี 2566 ตัวเลข GDP ของอิสราเอลขยายตัวปานกลางที่ระดับ 2% และขยายตัวต่อเนื่องที่ระดับ 1% ในปี 2567 โดยส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายของรัฐบาล
ในเดือนมิ.ย.ปีนี้ กลุ่มประเทศสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) คาดการณ์การขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจของอิสราเอลในปี 2569 เอาไว้ที่ 4.9%
ที่ผ่านมานั้น อิสราเอลเผชิญกับการทำสงครามหลายแนวรบ ซึ่งทำให้ต้องระดมกำลังทหารหลายแสนนายที่ปกติจะเป็นส่วนหนึ่งของตลาดแรงงาน นอกจากนี้ อิสราเอลกำลังเผชิญข้อกล่าวหาว่าเป็นอาชญากรรมสงครามในการพิจารณาของศาลระหว่างประเทศ ขณะเดียวกันก็ต้องรับมือกับกระแสการประท้วงครั้งใหญ่ ตลอดจนความวุ่นวายทางการเมืองภายในประเทศ
อย่างไรก็ดี แม้อิสราเอลจะเผชิญกับปัจจัยลบเหล่านี้ แต่ภูมิทัศน์ทางเศรษฐกิจของประเทศยังคงสดใส โดยได้รับแรงหนุนจากการลงทุนจากต่างประเทศจำนวนมาก และล่าสุดจากการที่นักลงทุนกลับมามีความเชื่อมั่นอีกครั้งหลังสงคราม 12 วันระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านสิ้นสุดลง