ไรอันแอร์ (Ryanair) แถลงผลประกอบการไตรมาส 1/2568 (เม.ย.-มิ.ย.) ในวันนี้ (21 ก.ค.) ว่า มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว แตะ 820 ล้านยูโร (953 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยได้แรงหนุนจากการปรับขึ้นค่าโดยสารเฉลี่ย 21% และยอดจองตั๋วล่วงหน้าช่วงฤดูร้อนที่แข็งแกร่ง สวนทางกับคู่แข่งบางรายที่รายงานผลประกอบการซบเซา
กำไรของสายการบินสัญชาติไอร์แลนด์ในไตรมาสสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. นี้ สูงกว่ากำไร 360 ล้านยูโรในช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 663 ล้านยูโรของปี 2566 อย่างมาก อีกทั้งยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 716 ล้านยูโร โดยบริษัทให้เหตุผลว่าผลประกอบการที่ดีเกินคาดนี้มาจากการจองตั๋วแบบนาทีสุดท้ายที่เพิ่มขึ้น และจังหวะที่เหมาะสมของช่วงเทศกาลอีสเตอร์
นีล โซราฮาน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (CFO) กล่าวว่า ไรอันแอร์ไม่พบแนวโน้มการจองตั๋วที่ช้ากว่าปกติเหมือนที่คู่แข่งอย่างอีซี่เจ็ต (EasyJet) และเจ็ตทู (Jet2) รายงาน
"เราไม่เห็นแนวโน้มแบบนั้นเลย" โซราฮานกล่าว พร้อมเสริมว่าการที่ข้อพิพาทก่อนหน้านี้กับกลุ่มบริษัททัวร์ออนไลน์ (OTA) คลี่คลายลง น่าจะส่งผลเสียต่อคู่แข่งแทน
ค่าโดยสารเฉลี่ยในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 21% พลิกกลับอย่างชัดเจนจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ลดลงถึง 15% ส่วนในไตรมาสสำคัญช่วงเดือนก.ค.-ก.ย. ไรอันแอร์คาดว่าจะสามารถชดเชยค่าโดยสารที่เคยลดลง 7% ในปีก่อนหน้าได้เกือบทั้งหมด
แม้กำไรตลอดทั้งปีจะขึ้นอยู่กับยอดจองในช่วงเดือนส.ค. และก.ย. แต่การฟื้นตัวของค่าโดยสารก็น่าจะส่งผลให้กำไรสุทธิเติบโตในระดับที่สมเหตุสมผล สำหรับปีงบการเงินที่จะสิ้นสุดในวันที่ 31 มี.ค. ปีหน้า
นอกจากนี้ ไรอันแอร์ยังกล่าวถึงความเสี่ยงจากกรณีที่สหรัฐฯ อาจขึ้นภาษีเครื่องบินพาณิชย์จากโบอิ้ง (Boeing) ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ โดยโซราฮานกล่าวว่า สายการบินหวังว่าสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (EU) จะสามารถบรรลุข้อตกลงยกเว้นภาษีดังกล่าวได้