สเตลแลนทิส (Stellantis) ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จากยุโรป คาดการณ์ว่า บริษัทจะขาดทุนสุทธิมหาศาลในช่วงครึ่งปีแรกถึง 2.3 พันล้านยูโร (2.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) พลิกจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำกำไรสุทธิได้ 5.6 พันล้านยูโร
บริษัทชี้แจงว่า การขาดทุนครั้งนี้เป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายก่อนหักภาษี 3.6 พันล้านยูโร ซึ่งประกอบด้วยผลกระทบเบื้องต้น 300 ล้านยูโรจากกำแพงภาษีของสหรัฐฯ ส่วนที่เหลืออีก 3.3 พันล้านยูโรเป็นต้นทุนจากการยกเลิกโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการพัฒนาระบบขับเคลื่อนด้วยไฮโดรเจน ตลอดจนการด้อยค่าของแพลตฟอร์มการผลิต และค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อให้สอดคล้องกับกฎระเบียบด้านมลพิษของสหรัฐฯ
ผลประกอบการที่ตกต่ำลงนี้สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายครั้งสำคัญของซีอีโอคนใหม่ อันโตนิโอ ฟิโลซา ซึ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนพ.ค. หลังจากผลประกอบการที่ย่ำแย่ในปี 2567 เป็นเหตุให้คาร์ลอส ทาวาเรส อดีตซีอีโอ ออกจากตำแหน่ง
ตัวชี้วัดผลการดำเนินงานอื่น ๆ ของสเตลแลนทิสก็ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงเช่นกัน โดยรายได้ครึ่งปีแรกลดลงเหลือ 7.43 หมื่นล้านยูโร จาก 8.5 หมื่นล้านยูโรในช่วงครึ่งแรกของปีที่แล้ว ขณะที่ยอดส่งมอบรถยนต์ในไตรมาสที่ 2 ลดลง 6% จากปีที่แล้ว เหลือประมาณ 1.4 ล้านคัน นอกจากนี้ บริษัทยังยืนยันว่ามีกระแสเงินสดไหลออกในช่วง 6 เดือนแรกของปีสูงถึง 2.3 พันล้านยูโร
สเตลแลนทิสระบุว่า การเปิดเผยข้อมูลเบื้องต้นครั้งนี้ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่ไม่ปกตินัก โดยมีขึ้นเพื่อชี้แจงผลประกอบการที่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญจากที่นักวิเคราะห์ในตลาดคาดการณ์ไว้
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นปี บริษัทได้ประกาศระงับการคาดการณ์ผลประกอบการทางการเงินสำหรับปี 2568