ฟอร์ด มอเตอร์ (Ford Motor Co.) เปิดเผยผลประกอบการทางการเงินไตรมาส 2/2568 ในวันพุธ (30 ก.ค.) โดยมีผลขาดทุนสุทธิ 36 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายพิเศษที่เกี่ยวข้องกับการบริการภาคสนามและค่าใช้จ่ายจากการยกเลิกโครงการรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ประกาศไปก่อนหน้านี้
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว บริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติสหรัฐฯ มีรายได้ 5.02 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่กำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBIT) ที่ปรับปรุงแล้วอยู่ที่ 2.1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงผลกระทบเชิงลบสุทธิจากภาษีศุลกากร 800 ล้านดอลลาร์
กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของฟอร์ดในไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ 6.3 พันล้านดอลลาร์ และ ณ สิ้นไตรมาส บริษัทมีเงินสดในมือ 2.84 หมื่นล้านดอลลาร์ และมีสภาพคล่อง 4.66 หมื่นล้านดอลลาร์
เมื่อพิจารณาตามกลุ่มธุรกิจ ฟอร์ด โปร (Ford Pro) มี EBIT อยู่ที่ 2.3 พันล้านดอลลาร์ โดยมีอัตรากำไรอยู่ที่ 12.3% จากรายได้ 1.88 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2/2568
ส่วนฟอร์ด โมเดล อี (Ford Model e) รายงานผลขาดทุน EBIT ในไตรมาส 2/2568 ที่ 1.3 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลขาดทุนที่สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ฟอร์ด บลู (Ford Blue) รายงาน EBIT ในไตรมาส 2/2568 อยู่ที่ 661 ล้านดอลลาร์ สะท้อนถึงการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งตลาดที่ทำกำไรได้ ราคาสุทธิที่สูงขึ้น และการปรับปรุงด้านต้นทุน อย่างไรก็ดี รายได้ของกลุ่มธุรกิจนี้ลดลง 3% มาอยู่ที่ 2.58 หมื่นล้านดอลลาร์