อ้ายฉีอี้ (iQiyi) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มสตรีมมิงจีนในเครือไป่ตู้ (Baidu) กำลังหารือกับธนาคารระดับโลกเกี่ยวกับแผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงเป็นแห่งที่สอง โดยตั้งเป้าระดมทุนราว 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปีนี้
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า การเจรจายังไม่สิ้นสุด และ iQiyi อาจปรับเปลี่ยนแผนการในภายหลัง อย่างไรก็ดี หากการเข้าจดทะเบียนเกิดขึ้นจริง iQiyi จะกลายเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูตลาดหุ้นฮ่องกงในปี 2568 พร้อมทั้งผลักดันให้ฮ่องกงกลับคืนสู่สถานะตลาดหลักทรัพย์ใหญ่ที่สุดอันดับสองของโลกในแง่มูลค่าการขายหุ้น IPO เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2555 หลังเผชิญภาวะซบเซาต่อเนื่องจากโควิด-19 และปัญหาด้านกฎระเบียบในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ราคาหุ้น iQiyi ในตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นสูงถึง 6% หลังมีรายงานเกี่ยวกับแผนการจดทะเบียนที่ฮ่องกงดังกล่าว แต่สุดท้ายก็ปิดตลาดโดยแทบไม่เปลี่ยนแปลง
iQiyi มีฐานผู้ใช้งานรายเดือนมากกว่า 400 ล้านราย และมุ่งหวังจะกลายเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มวิดีโอสตรีมมิงชั้นนำของจีน โดยต้องแข่งขันกับยักษ์ใหญ่อย่าง เทนเซ็นต์ โฮลดิงส์ (Tencent Holdings) และอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิง (Alibaba Group Holding)
ทั้งนี้ คอนเทนต์ของ iQiyi มีความหลากหลาย ตั้งแต่ซีรีส์ย้อนยุคของจีน ไปจนถึงภาพยนตร์ฮอลลีวูดระดับบล็อกบัสเตอร์
ความเคลื่อนไหวของ iQiyi เกิดขึ้นในช่วงที่ความไม่แน่นอนทางการเมืองของสหรัฐฯ กลับมาปะทุอีกครั้ง โดยการหวนคืนสู่ตำแหน่งประธานาธิบดีของโดนัลด์ ทรัมป์ในปีนี้ ได้จุดกระแสความกังวลเกี่ยวกับการถอดถอนบริษัทจีนออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขึ้นมาอีกระลอก
ภายใต้กฎหมาย Holding Foreign Companies Accountable Act ที่ประกาศใช้ในปี 2563 ซึ่งเกิดขึ้นในสมัยที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีครั้งแรกนั้น สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) ของสหรัฐฯ มีอำนาจในการถอดหุ้นของบริษัทต่างชาติออกจากตลาด หากบริษัทเหล่านั้นไม่ยินยอมให้ตรวจสอบบัญชีติดต่อกันเป็นเวลาสองปี
แม้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เคยยืนยันในปี 2565 ว่าสามารถเข้าถึงข้อมูลบัญชีของบริษัทจีนได้เพียงพอแล้ว แต่การกลับมาของทรัมป์ทำให้บรรยากาศความไม่แน่นอนกลับมาอีกครั้ง ส่งผลให้บริษัทจีนอย่าง iQiyi และ PDD Holdings เริ่มมองหาตลาดที่มีเสถียรภาพและเป็นมิตรมากกว่า เช่น ตลาดหุ้นฮ่องกง
ทั้งนี้ ก่อนโควิด-19 ระบาด บริษัทจีนขนาดใหญ่อย่าง Alibaba และ Baidu ก็เคยเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงได้สำเร็จ หลังจากทำ IPO ที่สหรัฐฯ แล้ว ซึ่งเป็นแนวโน้มที่อาจกลับมาอีกครั้งในยุคที่ความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ ปะทุขึ้น