ซิตี้กรุ๊ป (Citigroup) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรต่อหุ้น (EPS) ของดัชนี S&P500 ในปี 2568 และ 2569 ขึ้นเป็น 272 ดอลลาร์ และ 308 ดอลลาร์ ตามลำดับ จากประมาณการเดิมที่ 261 ดอลลาร์ และ 295 ดอลลาร์ โดยระบุว่าผลประกอบการที่แข็งแกร่งของกลุ่ม "Magnificent Seven" เป็นแรงหนุนหลักของการพุ่งขึ้น ขณะเดียวกันหุ้นในกลุ่มอื่น ๆ ของดัชนีก็กำลังฟื้นตัวอย่างกว้างขวาง
นับตั้งแต่แตะจุดต่ำสุดเมื่อวันที่ 8 เม.ย. หลังการประกาศมาตรการภาษี "วันปลดปล่อย" ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นแล้ว 32.2% และทำสถิติสูงสุดใหม่ในเดือนก.ค. ท่ามกลางความเชื่อมั่นที่กลับคืนจากกระแสการลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีและการขับเคลื่อนด้วย AI
ร่างกฎหมายลดภาษีและเพิ่มการใช้จ่าย ซึ่งทรัมป์ลงนามเมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2568 ได้ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่บริษัทอย่างกว้างขวาง และขยายสิทธิประโยชน์ของพนักงานอย่างถาวร
นักวิเคราะห์ของซิตี้มองว่าผลกระทบเชิงลบจากภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ได้ถูกนำมาคำนวณในประมาณการแล้ว ขณะที่มาตรการลดภาษีเงินได้ดังกล่าวจะเป็นปัจจัยหนุนกำไรในอนาคต
จากปัจจัยเหล่านี้ ซิตี้จึงปรับเป้าหมายสิ้นปีของดัชนี S&P500 ขึ้นเป็น 6,600 จุด จากระดับเดิมในเดือนมิ.ย.ที่ 6,300 จุด คิดเป็นการปรับขึ้น 3.2% จากราคาปิดล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ส.ค.ที่ 6,389.45 จุด
ทั้งนี้ถือเป็นการปรับเพิ่มเป้าหมายครั้งที่สองภายในสองเดือน และเป็นไปในทิศทางเดียวกับการปรับคาดการณ์ของโบรกเกอร์รายใหญ่ เช่น HSBC, Goldman Sachs และ BofA Global Research
ในกรณีของการบวกขึ้นมากที่สุดนั้น ซิตี้คาดว่าดัชนี S&P500 อาจพุ่งแตะระดับ 7,200 จุดภายในสิ้นปี