บริษัทเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ (Berkshire Hathaway) ของวอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้ระบุในเอกสารที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) ว่า ณ วันที่ 30 มิ.ย. เบิร์กเชียร์ได้เข้าถือหุ้นจำนวน 5.04 ล้านหุ้นในบริษัทยูไนเต็ดเฮลธ์ กรุ๊ป (UnitedHealth Group) ซึ่งเป็นบริษัทประกันสุขภาพรายใหญ่ของสหรัฐฯ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.57 พันล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ การเปิดเผยของเบิร์กเชียร์ในวันพฤหัสบดี (14 ส.ค.) เกิดขึ้นในขณะที่ยูไนเต็ดเฮลธ์ได้ตกเป็นเป้าของชาวอเมริกันที่แสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับทิศทางของระบบสาธารณสุขของสหรัฐฯ
หุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ ซึ่งเป็น 1 ใน 30 หลักทรัพย์ในดัชนีดาวโจนส์ ร่วงลง 46% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันพฤหัสบดี ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับต้นทุนที่สูงขึ้น รวมทั้งข่าวการถูกโจมตีทางไซเบอร์ และการที่ไบรอัน ธอมป์สัน ซีอีโอของยูไนเต็ดเฮลธ์แคร์ ถูกลอบยิงเสียชีวิตในเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว แต่หลังจากเบิร์กเชียร์ประกาศเข้าถือครองหุ้น ราคาหุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ ดีดตัวขึ้น 8.5% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ
นอกจากนี้ เบิร์กเชียร์เปิดเผยว่าได้ขายหุ้นบริษัทแอปเปิ้ล (Apple) ซึ่งเป็นผู้ผลิต iPhone จำนวน 20 ล้านหุ้นในไตรมาส 2/2568 ส่งผลให้การถือครองหุ้นในแอปเปิ้ลลดลงเหลือ 280 ล้านหุ้น และยังได้ลดการถือครองหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา (Bank of America) อย่างไรก็ดี แอปเปิ้ลยังคงเป็นบริษัทที่เบิร์กเชียร์ถือครองหุ้นมากที่สุด
ขณะเดียวกัน เบิร์กเชียร์ได้เพิ่มการลงทุนในบริษัทรับสร้างบ้าน โดยเปิดเผยการเข้าถือหุ้นใหม่ในบริษัทดีอาร์ ฮอร์ตัน (DR Horton) และเพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้นในบริษัทเลนนาร์ (Lennar) อย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าการซื้อขายหุ้นแต่ละครั้งเป็นการตัดสินใจของบัฟเฟตต์เอง หรือเป็นการตัดสินใจของทอดด์ โคมส์ และเทด เวชเลอร์ สองผู้จัดการพอร์ตการลงทุนของบัฟเฟตต์ หรือเกร็ก เอเบล ผู้ที่จะก้าวขึ้นเป็นซึอีโอในอนาคต แต่ราคาหุ้นของบริษัทนั้น ๆ มักจะปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเบิร์กเชียร์ประกาศเข้าซื้อหุ้น เนื่องจากนักลงทุนมองว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นการรับรองจากบัฟเฟตต์ โดยหุ้นดีอาร์ฮอร์ตัน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.42% และหุ้นเลนนาร์ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.02% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ