หุ้นของบริษัทเหมืองแร่หายากในสหรัฐอเมริกาพุ่งขึ้นก่อนเปิดตลาดหุ้นนิวยอร์กในวันนี้ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ขู่ว่าจะตอบโต้จีนที่ออกมาตรการคุมเข้มการส่งออกแร่หายาก แม้ว่าในภายหลังได้กล่าวว่าความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนจะ "เป็นไปด้วยดี" ก็ตาม
หุ้น USA Rare Earth พุ่งขึ้นกว่า 18%, Critical Metals พุ่งขึ้น 18%, Energy Fuels ทะยานกว่า 11% และ MP Materials เพิ่มขึ้น 8%
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (9 ต.ค.) จีนได้ประกาศมาตรการคุมเข้มการส่งออกแร่หายากและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการผลิตสินค้าไฮเทค
ต่อมาในวันศุกร์ (10 ต.ค.) ทรัมป์ได้ออกมากล่าวหาจีนว่ามีท่าที "เป็นปรปักษ์อย่างยิ่ง" และกำลังจับสหรัฐฯ และทั่วทั้งโลกเป็นตัวประกัน ด้วยการเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมการส่งออก พร้อมประกาศว่า สหรัฐฯ จะเก็บภาษี 100% สำหรับสินค้าจีนทั้งหมด และคุมเข้มการส่งออกซอฟต์แวร์สำคัญ โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.
อย่างไรก็ดี ทรัมป์ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวในวันอาทิตย์ (12 ต.ค.) เมื่อถูกถามว่าการเก็บภาษีเพิ่มเติมดังกล่าวยังคงเป็นแผนการอยู่หรือไม่ โดยทรัมป์ตอบว่า "ใช่ในตอนนี้" แต่ "มาดูกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น" พร้อมทั้งกล่าวเสริมว่า สำหรับหลายคน วันที่ 1 พ.ย. ซึ่งเขากำหนดให้เป็นวันที่อัตราภาษีใหม่จะมีผลบังคับใช้นั้น อาจฟังดูเหมือนใกล้เข้ามาแล้ว แต่สำหรับตัวเขาเอง กลับมองว่าเป็นเวลาที่ยาวนานมาก ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่ายังมีช่องว่างให้ทั้งสองประเทศสามารถถอยออกจากความขัดแย้งได้
ก่อนหน้านั้นในวันเดียวกัน ทรัมป์ได้โพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดียว่า ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับจีน โดยระบุว่า "ท่านประธานาธิบดีสีเพิ่งมีช่วงเวลาที่แย่ เขาไม่ต้องการภาวะเศรษฐกิจตกต่ำสำหรับประเทศของเขา และผมก็ไม่ต้องการเช่นกัน สหรัฐฯ ต้องการช่วยจีน ไม่ใช่ทำร้าย"
ไฟแนนเชียลไทมส์ (The Financial Times) รายงานในวันอาทิตย์ว่า กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กำลังเร่งดำเนินการกักตุนแร่สำคัญมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่เจพีมอร์แกน เชส (JPMorgan Chase) ประกาศในวันนี้ว่าจะลงทุนสูงสุด 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในบริษัทที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ แร่หายากเป็นส่วนหนึ่งของแร่สำคัญที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อสหรัฐฯ ทั้งในการผลิตอาวุธ หุ่นยนต์ รถยนต์ไฟฟ้า และอีกมากมาย