ASML ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตเครื่องจักรผลิตชิปเบอร์หนึ่งของโลกจากเนเธอร์แลนด์ ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/2568 สุดแกร่ง ยอดสั่งซื้อทะลุเป้าที่นักวิเคราะห์คาด รับอานิสงส์จากกระแส AI บูมทั่วโลก อย่างไรก็ตาม แนวโน้มตลาดจีนปีหน้าไม่สดใส โดยคาดว่ายอดขายจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
คริสตอฟ ฟูเกต์ ซีอีโอของ ASML ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่มีมาร์เก็ตแคปสูงที่สุดในยุโรป เปิดเผยว่า บริษัทกำลังเห็นสัญญาณบวกต่อเนื่องจากการลงทุนในเทคโนโลยี AI ทั่วโลก ซึ่งกลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยหนุนลูกค้าทั้งกลุ่มผู้ผลิตชิปลอจิกขั้นสูงสำหรับสมาร์ตโฟนและดาต้าเซ็นเตอร์ และกลุ่มชิปหน่วยความจำที่จำเป็นสำหรับ AI เช่นกัน
ความเชื่อมั่นดังกล่าวส่งผลให้ราคาหุ้น ASML ที่พุ่งขึ้นมาแล้ว 37% ตั้งแต่ต้นเดือนก.ย. ทะยานขึ้นอีก 3.2% ในการซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (15 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น มาอยู่ที่ 873.80 ยูโร
สำหรับตัวเลขที่นักลงทุนจับตามากที่สุดอย่างยอดสั่งซื้อสุทธิในไตรมาสที่ 3/68 อยู่ที่ 5.40 พันล้านยูโร (6.27 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 5.36 พันล้านยูโร ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 2.12 พันล้านยูโร ซึ่งใกล้เคียงกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 2.11 พันล้านยูโร
ผลประกอบการที่ยอดเยี่ยมนี้ได้รับการเปิดเผยท่ามกลางกระแสข่าวดีลยักษ์ระหว่างหลายบริษัท AI กับบรรดาผู้ผลิตชิป โดยเฉพาะแผนของโอเพนเอไอ (OpenAI) ที่จะทุ่มกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ สร้างดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งหมายถึงความต้องการชิปมหาศาลในอนาคต เพราะต้นทุนชิปคิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของศูนย์ข้อมูล
อย่างไรก็ตาม ASML ได้ออกมาเตือนว่า ยอดขายในประเทศจีน ซึ่งเคยเป็นตลาดใหญ่มีสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของยอดขายรวมในปี 2567 และหนึ่งในสามในปี 2568 มีแนวโน้มจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญในปีหน้า
โรเจอร์ ดาสเซน ซีเอฟโอ ASML ชี้แจงว่า การลดลงดังกล่าวเป็นการ "กลับสู่ภาวะปกติ" ไม่ได้เกิดจากการที่ลูกค้าชาวจีนแห่กักตุนสินค้าเพื่อหนีผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนแต่อย่างใด
ทั้งนี้ มาตรการจำกัดการส่งออกที่นำโดยสหรัฐฯ ทำให้ ASML ไม่สามารถขายเครื่องจักรผลิตชิปที่ล้ำสมัยที่สุดให้กับจีนได้ ซึ่งเป็นชนวนความขัดแย้งระหว่างสองมหาอำนาจมาโดยตลอด
แม้จะมีความกังวลเรื่องตลาดจีน แต่ ASML คาดการณ์ว่ายอดขายในปี 2569 อย่างแย่ที่สุดคือจะทรงตัวจากปี 2568 ที่คาดว่าจะทำได้ราว 3.25 หมื่นล้านยูโร (3.782 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ)
นักวิเคราะห์จากเจพีมอร์แกน (JPMorgan) ระบุว่า "เราเชื่อว่ามุมมองแง่ลบเกี่ยวกับผลประกอบการปี 2569 จะถูกปัดเป่าไป และตลาดจะหันไปโฟกัสที่ศักยภาพการเติบโตของบริษัทในปี 2570 แทน"
สำหรับเครื่องมือลิโทกราฟี (Lithography) ของ ASML ถือเป็นหัวใจสำคัญในการผลิตชิป ซึ่งมีลูกค้าเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ อาทิ TSMC ของไต้หวัน, SMIC ของจีน, อินเทล (Intel) และและไมครอน (Micron) ของสหรัฐฯ รวมไปถึงซัมซุง (Samsung) และเอสเค ไฮนิกซ์ (SK Hynix) ของเกาหลีใต้