สตาร์บัคส์ (Starbucks) เตรียมปรับโครงสร้างธุรกิจในจีน โดยประกาศเมื่อวานนี้ (3 พ.ย.) ว่าจะขายกิจการบางส่วนให้กับโป๋หยู แคปิทัล (Boyu Capital) บริษัทด้านการลงทุนของจีน ภายใต้ข้อตกลงมูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในการถอนการลงทุนที่มีมูลค่าสูงที่สุดของสตาร์บัคส์ในจีนในรอบหลายปี
ภายใต้ข้อตกลงนี้ ทั้งสองฝ่ายจะจัดตั้งบริษัทร่วมทุน โดย Boyu จะถือหุ้นสูงสุดถึง 60% ในธุรกิจร้านค้าปลีกของสตาร์บัคส์ในจีน ส่วนสตาร์บัคส์จะถือหุ้นที่เหลือ 40% และยังคงเป็นเจ้าของแบรนด์ รวมถึงสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทใหม่ดังกล่าว
สตาร์บัคส์คาดว่ารายได้จากการขายกิจการครั้งนี้ รวมกับมูลค่าหุ้นที่ยังถืออยู่และรายได้จากการให้สิทธิ์ในช่วง 10 ปีข้างหน้า จะมีมูลค่ารวมมากกว่า 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยราคาหุ้นของสตาร์บัคส์พุ่งขึ้นประมาณ 3% ในการซื้อขายหลังปิดตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังมีรายงานว่าผู้ประมูลซื้อรอบสุดท้ายซึ่งรวมถึงคาร์ไลล์ กรุ๊ป (Carlyle Group) ได้ประเมินมูลค่าธุรกิจสตาร์บัคส์ในจีนไว้ที่ราว 10 เท่าของกำไรหลัก
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ส่วนแบ่งตลาดของสตาร์บัคส์ในจีนลดลงอย่างต่อเนื่องจากการแข่งขันรุนแรงกับร้านกาแฟท้องถิ่นที่ขายในราคาถูกกว่า ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวซึ่งส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป
ข้อมูลจาก Euromonitor International ระบุว่า ส่วนแบ่งตลาดของสตาร์บัคส์ในจีน ซึ่งมีจำนวนสาขามากกว่าหนึ่งในห้าของสาขาทั่วโลก ลดลงจาก 34% ในปี 2562 เหลือเพียง 14% ในปี 2567
เพื่อรับมือกับแรงกดดันดังกล่าว สตาร์บัคส์ได้ปรับกลยุทธ์ด้วยการลดราคาบางเมนูที่ไม่ใช่กาแฟ และเร่งเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์รสนิยมผู้บริโภคท้องถิ่นมากขึ้น