บรอดคอม (Broadcom) เปิดเผยคาดการณ์รายได้ไตรมาสแรก ของปีงบการเงิน 2569 สูงกว่าที่ตลาดประเมินไว้ แต่ราคาหุ้นกลับร่วงลง 5% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (11 ธ.ค.) เนื่องจากบริษัทแจ้งเตือนว่าอัตรากำไรขั้นต้น (Gross margin) มีแนวโน้มลดลงจากสัดส่วนรายได้ธุรกิจ AI ที่เพิ่มสูงขึ้น
แม้บรอดคอมจะรุกตลาดชิป AI จนคาดว่ารายได้ส่วนนี้จะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า แตะระดับ 8.2 พันล้านดอลลาร์ใน Q1/69 แต่การลงทุนมหาศาลทำให้นักลงทุนกังวลเรื่องความสามารถในการทำกำไร
เคิร์สเตน สเปียร์ส ซีเอฟโอ ชี้แจงในที่ประชุมว่า อัตรากำไรขั้นต้นรวมใน Q1/69 น่าจะลดลงจากไตรมาสก่อนประมาณ 1 จุดเปอร์เซ็นต์ สาเหตุหลักมาจากสัดส่วนรายได้ AI ที่สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออัตรากำไรตลอดทั้งปี เมื่อเทียบกับสัดส่วนรายได้จากกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน ซอฟต์แวร์ และเซมิคอนดักเตอร์แบบดั้งเดิม
นักวิเคราะห์มองว่า สาเหตุที่หุ้นตกเกิดจากการที่ลูกค้า AI ของบรอดคอมกระจุกตัว และการขายระบบ AI ในอนาคตได้กำไรน้อยกว่า โดยยอดสั่งซื้อรอส่งมอบของบรอดคอมยังคงมาจากลูกค้าเพียงหลักหน่วย และสินค้ารวมถึงระบบต่าง ๆ มีราคาสูง ซึ่งระบบเหล่านี้มีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำ และจะมีสัดส่วนในยอดขายรวมมากขึ้นในไตรมาสต่อ ๆ ไป โดยเฉพาะช่วงครึ่งหลังของปีงบการเงิน 2569
นอกจากนี้ อัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงอาจสะท้อนว่า ต้นทุนการจ้าง TSMC ผลิตชิป กำลังบีบมูลค่าส่วนต่างกำไรที่บรอดคอมควรจะได้รับจากธุรกิจหน่วยประมวลผล AI แบบสั่งทำพิเศษ
ปัจจุบัน บรอดคอมร่วมมือกับผู้ให้บริการคลาวด์ระดับไฮเปอร์สเกล เช่น กูเกิล (Google) และเมตา แพลตฟอร์มส์ (Meta Platforms) เพื่อออกแบบและผลิตชิปประมวลผล ASICs ซึ่งถือเป็นทางเลือกสำคัญนอกเหนือจากชิป GPU ของอินวิเดีย (Nvidia)
ตลาดคาดการณ์ว่าปีนี้ผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่ของสหรัฐฯ จะทุ่มงบกว่า 4 แสนล้านดอลลาร์ สร้างศูนย์ข้อมูลเพื่อรองรับบริการอย่าง ChatGPT, Copilot และ Gemini
อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายที่พุ่งสูงสวนทางกับหลักฐานเรื่องผลิตภาพที่เพิ่มขึ้นจริงที่ยังมีจำกัด ประกอบกับมูลค่าหุ้นที่แพงลิ่ว และเครือข่ายการลงทุนที่ซับซ้อน เริ่มก่อให้เกิดความกังวลเรื่องฟองสบู่ AI
ในส่วนของตัวเลขทางการเงิน ฮ้อก ตั๋น ซีอีโอบรอดคอมเผยว่า บริษัทมียอดสั่งซื้อรอส่งมอบรวม 7.3 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจะทยอยส่งมอบในช่วง 18 เดือนข้างหน้า
บรอดคอมคาดการณ์รายได้ Q1/69 ไว้ที่ประมาณ 1.91 หมื่นล้านดอลลาร์ (สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 1.827 หมื่นล้านดอลลาร์) ส่วนผลประกอบการ Q4/68 ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 2 พ.ย. บริษัททำรายได้ 1.802 หมื่นล้านดอลลาร์ (สูงกว่าคาดการณ์ที่ 1.749 หมื่นล้านดอลลาร์)