โจว โซ่วจือ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของติ๊กต๊อก (TikTok) แจ้งพนักงานเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (18 ธ.ค.) ว่า ไบต์แดนซ์ (ByteDance) บริษัทแม่จากประเทศจีน บรรลุข้อตกลงผูกพันทางกฎหมายกับนักลงทุนรายใหญ่ 3 ราย เพื่อขายสินทรัพย์ในสหรัฐฯ ออกไปกว่า 80% ให้แก่กลุ่มนักลงทุนชาวอเมริกันและนักลงทุนระดับโลก เพื่อเลี่ยงคำสั่งแบนของรัฐบาลสหรัฐฯ
ไบต์แดนซ์และติ๊กต๊อกได้ลงนามร่วมกับกลุ่มนักลงทุนหลัก 3 ราย ได้แก่ ออราเคิล (Oracle), ซิลเวอร์เลค (Silver Lake) และเอ็มจีเอ็กซ์ (MGX) เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนใหม่ในชื่อ TikTok USDS Joint Venture LLC โดยออราเคิล, ซิลเวอร์เลค และ MGX จากอาบูดาบี จะถือหุ้นรวมกัน 45% ในกิจการใหม่
ข้อตกลงนี้นับเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยคลี่คลายความไม่แน่นอนที่ยืดเยื้อมานานหลายปีเกี่ยวกับอนาคตของแอปติ๊กต๊อกในสหรัฐฯ นับตั้งแต่เดือนส.ค. 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีในขณะนั้น พยายามสั่งแบนแอปนี้แต่ไม่สำเร็จ โดยปัจจุบันติ๊กต๊อกมีชาวอเมริกันใช้งานเป็นประจำมากกว่า 170 ล้านคน
รายละเอียดของดีลนี้สอดคล้องกับที่เคยเปิดเผยเมื่อเดือนก.ย. ที่ผ่านมา หลังจากทรัมป์ขยายระยะเวลาบังคับใช้กฎหมายแบนแอปติ๊กต๊อกออกไปจนถึงวันที่ 20 ม.ค. 2569 เพื่อเปิดทางให้เจ้าของชาวจีนแยกสินทรัพย์ในสหรัฐฯ ออกจากแพลตฟอร์มระดับโลก นอกจากนี้ ทรัมป์ยังระบุว่าข้อตกลงดังกล่าวเป็นไปตามเงื่อนไขการถอนการลงทุนที่กำหนดไว้
ดีลนี้มีกำหนดจะเสร็จสมบูรณ์ในวันที่ 22 ม.ค. 2569 ซึ่งจะยุติความพยายามบังคับให้ไบต์แดนซ์ถอนการลงทุนธุรกิจในสหรัฐฯ ที่ยืดเยื้อมานานหลายปีเนื่องจากความกังวลด้านความมั่นคงแห่งชาติ
สำหรับโครงสร้างการถือหุ้นในบริษัทร่วมทุนแห่งนี้ กลุ่มนักลงทุนใหม่จะถือหุ้นรวมกัน 50% โดยมีออราเคิล, ซิลเวอร์เลค และ MGX ถือหุ้นในสัดส่วนรายละ 15% ขณะที่กลุ่มบริษัทในเครือของผู้ลงทุนเดิมของไบต์แดนซ์จะถือหุ้น 30.1% และส่วนที่เหลืออีก 19.9% ไบต์แดนซ์จะยังคงถือครองเอาไว้เอง