ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า การดิ่งลงของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในวันนี้ ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร เมื่อเทียบกับประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่สหรัฐจะได้รับจากการบรรลุข้อตกลงการค้าที่เหมาะสมกับจีน ขณะที่ตลาดหุ้นได้ดีดตัวขึ้นอย่างมาก นับตั้งแต่ที่เขาชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
"การปรับตัวของตลาดหุ้นในวันนี้ถือว่าจิ๊บจ๊อย เมื่อเทียบกับที่ตลาดเคยพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในช่วงที่ผ่านมา"
"ดัชนีดาวโจนส์เคยอยู่แถว 16,000 หรือ 15,000 จุด และตอนนี้กำลังใกล้แตะ 30,000 จุด โดยดาวโจนส์จะแตะ 30,000 จุดอย่างแน่นอน" ปธน.ทรัมป์กล่าว
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังระบุว่า เขาจะไม่ลงนามในข้อตกลงการค้าที่ทำให้สหรัฐเสียเปรียบ
ปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความวานนี้ ระบุว่า ตลาดหุ้นสหรัฐได้พุ่งขึ้นอย่างมาก นับตั้งแต่ที่เขาประกาศเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนในปีที่แล้ว และสหรัฐกำลังได้รับเงินจำนวนมากจากภาษีที่เรียกเก็บจากจีน
"ขณะนี้ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นถึง 21% นับตั้งแต่ที่มีการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนในวันที่ 1 มี.ค.ปีที่แล้ว และสหรัฐกำลังได้รับเงินภาษีจากจีนจำนวนมาก ซึ่งรัฐบาลได้มอบเงินบางส่วนชดเชยแก่เกษตรกร ซึ่งตกเป็นเป้าหมายตอบโต้จากจีน" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงอย่างต่อเนื่องในวันนี้ ล่าสุดทรุดหนักกว่า 400 จุด ซึ่งเป็นการดิ่งลงหนักที่สุดในรอบ 2 เดือน หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ส่งสัญญาณว่า การบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจล่าช้าออกไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย.ปีหน้า
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า อาจจะเป็นการดีกว่าที่จะรอจนกระทั่งหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปีหน้าสำหรับการบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีน
"ผมชอบแนวคิดที่ว่าให้รอจนกระทั่งหลังการเลือกตั้งเพื่อทำข้อตกลงการค้ากับจีน แต่ทางฝ่ายจีนต้องการทำข้อตกลงในขณะนี้ และเราจะดูว่าข้อตกลงนี้มีความเหมาะสมหรือไม่" ปธน.ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่กรุงลอนดอน
ต่อข้อถามที่ว่า เขามีเส้นตายสำหรับการบรรลุข้อตกลงการค้าหรือไม่ ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า "ผมไม่มีเส้นตาย บางทีผมคิดว่ามันเป็นการดีกว่าที่จะรอจนกว่าหลังการเลือกตั้ง"