สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ราคาหุ้นเมตา (Meta) บริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก ร่วงลง 14% ในสัปดาห์นี้ ปิดที่ 146.29 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2563 และในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา มูลค่าหุ้นเมตาร่วงลง 61% แล้ว ซึ่งเป็นการร่วงลงมากที่สุดในบรรดาหุ้นเทคโนโลยีรายใหญ่ และมากกว่า 2 เท่าของการร่วงในดัชนี Nasdaq
หลังจากร่วงลงติดต่อกัน 5 วันทำการ หุ้นเมตาในขณะนี้อยู่สูงกว่าราคาปิดของวันที่ 16 มี.ค. 2563 อยู่เพียง 28 เซนต์ ซึ่งในวันดังกล่าวนั้นตลาดได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการเริ่มพบการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ทั้งนี้ หากหุ้นเมตาร่วงลงต่ำกว่าระดับ 146.01 ดอลลาร์ ก็จะแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2562 ซึ่งเป็นช่วงที่เฟซบุ๊กเผชิญกับคดีอื้อฉาวเกี่ยวกับข้อมูลผู้ใช้งานที่รั่วไหลไปอยู่กับบริษัทเคมบริดจ์ แอนะลิติกา (Cambridge Analytica) ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการเมืองของอังกฤษ โดยกรณีอื้อฉาวดังกล่าวได้บั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อเฟซบุ๊ก และนำไปสู่การไต่สวนนายมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของเฟซบุ๊กหลายรอบในสภาคองเกรสสหรัฐ
นับตั้งแต่เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็นเมตาอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนต.ค.ปีที่แล้ว ข่าวเกี่ยวกับนายซักเคอร์เบิร์กและเมตาก็เลวร้ายไปเกือบหมดแล้ว โดยการอัปเดตด้านการปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานระบบปฏิบัติการ iOS ของบริษัทแอปเปิล อิงค์ ทำให้เมตาเผชิญความยากลำบากมากขึ้นในการกำหนดกลุ่มเป้าหมายการโฆษณาจากผู้ใช้เฟซบุ๊ก
นอกจากนี้ ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของคู่แข่งโซเชียลมีเดียอย่าง ติ๊กต๊อก (TikTok) ก็ได้ดึงผู้ใช้งานและผู้ลงโฆษณาออกไปจากเฟซบุ๊ก และ การที่เศรษฐกิจชะลอตัวลง ก็ได้ทำให้หลาย ๆ บริษัทต้องลดค่าใช้จ่ายในการทำการตลาดออนไลน์
ในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา เมตาคาดว่า ยอดขายของบริษัทจะลดลงสองไตรมาสติดต่อกัน ขณะที่บริษัทรายงานผลประกอบการในไตรมาส 2 ออกมาต่ำกว่าคาด