ดอลลาร์แข็งค่าเทียบสกุลเงินหลักในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและยุโรป หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ประกาศเลื่อนการเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตรา 50% จากสหภาพยุโรป (EU) ออกไปเป็นวันที่ 9 ก.ค.
ตลาดปริวรรตเงินตรารับรู้ข่าวดังกล่าวในวันนี้ เนื่องจากตลาดปิดทำการวานนี้ (26 พ.ค.) เนื่องในวัน Memorial Day
ณ เวลา 20.44 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.13% สู่ระดับ 99.24 ขณะที่ดอลลาร์แข็งค่า 0.16% สู่ระดับ 1.137 เทียบยูโร และดีดตัวขึ้น 0.79% สู่ระดับ 147.97 เยน
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ประกาศในวันอาทิตย์ (25 พ.ค.) ว่า เขาได้ตกลงที่จะเลื่อนกำหนดการเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตรา 50% จาก EU ออกไปเป็นวันที่ 9 ก.ค. จากเดิมวันที่ 1 มิ.ย. หลังจากที่ได้พูดคุยกับนางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC)
"ผมได้รับโทรศัพท์จากคุณเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งขอให้เราขยายเส้นตายการเรียกเก็บภาษีศุลกากร 50% จากสหภาพยุโรปที่กำหนดไว้ในวันที่ 1 มิ.ย. และผมได้ตกลงที่จะขยายเส้นตายออกไปเป็นวันที่ 9 ก.ค. ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ทำเช่นนั้น" ปธน.ทรัมป์โพสต์ข้อความใน Truth Social
ก่อนหน้านี้ ในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ได้กำหนดภาษีศุลกากรในอัตรา 20% ต่อ EU ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ที่เขาประกาศใช้กับประเทศต่าง ๆ เป็นวงกว้าง ก่อนที่เขาจะผ่อนปรนภาษีดังกล่าวลงเหลือ 10% เป็นเวลา 90 วัน
แต่เมื่อวันศุกร์ที่ 23 พ.ค. ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขากำลังเสนอให้มีการเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตรา 50% ต่อ EU โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. เนื่องจากการเจรจาการค้ายังคงไม่มีความคืบหน้า
นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รวมทั้งการเปิดเผยรายงานการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ประจำวันที่ 6-7 พ.ค. ในวันพุธ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ
นอกจากนี้ ตลาดจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันศุกร์ โดยดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)