สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (27 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และยุโรป หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ประกาศเลื่อนการเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตรา 50% จากสหภาพยุโรป (EU) ออกไปเป็นวันที่ 9 ก.ค.
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.51% แตะที่ระดับ 99.521
ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 144.26 เยน จากระดับ 142.77 เยนในวันศุกร์ (23 พ.ค.) ขณะเดียวกันก็แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8272 ฟรังก์ จากระดับ 0.8208 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3795 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3736 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1337 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1381 ดอลลาร์ในวันศุกร์ ส่วนเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3511 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3562 ดอลลาร์
ปธน.ทรัมป์ได้ตกลงที่จะเลื่อนกำหนดการเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตรา 50% จาก EU ออกไปเป็นวันที่ 9 ก.ค. จากเดิมวันที่ 1 มิ.ย. หลังจากที่ได้พูดคุยกับเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC)
"ผมได้รับโทรศัพท์จากเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งขอให้เราขยายเส้นตายการเรียกเก็บภาษีศุลกากร 50% จากสหภาพยุโรปที่กำหนดไว้ในวันที่ 1 มิ.ย. และผมได้ตกลงที่จะขยายเส้นตายออกไปเป็นวันที่ 9 ก.ค. ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ทำเช่นนั้น" ปธน.ทรัมป์โพสต์ข้อความใน Truth Social เมื่อวันอาทิตย์ (25 พ.ค.)
การเลื่อนเก็บภาษีศุลกากรในอัตรา 50% จาก EU จะช่วยเปิดทางให้ทำเนียบขาวและ EU ซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 27 ประเทศมีเวลาในการเจรจาต่อรองกันมากขึ้น โดยล่าสุดพอลา ปินโญ โฆษกหญิงของ EU เปิดเผยว่าสหรัฐฯ และ EU เห็นพ้องกันที่จะเร่งการเจรจาการค้าและติดต่อกันอย่างใกล้ชิดเพื่อหลีกเลี่ยงการทำสงครามการค้า
นักลงทุนขานรับผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ พุ่งขึ้นแตะระดับ 98.0 ในเดือนพ.ค. จากระดับ 85.7 ในเดือนเม.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 86.0 โดยได้แรงหนุนจากการที่สหรัฐฯ และจีนบรรลุข้อตกลงปรับลดอัตราภาษีศุลกากรเป็นการชั่วคราว ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการทำสงครามการค้าระหว่างประเทศทั้งสอง ซึ่งมีระบบเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 1 และ 2 ของโลก
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบของบริษัทอินวิเดีย (Nvidia) และข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2568 (ประมาณการครั้งที่ 2) และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนเม.ย.
นักลงทุนจับตารายงานการประชุมประจำวันที่ 6-7 พ.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันนี้ และรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ด้วย ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2568 (ประมาณการครั้งที่ 2) และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนเม.ย.