สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (29 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลในความไม่แน่นอนของการบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.6% แตะที่ระดับ 99.277
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 144.00 เยน จากระดับ 144.84 เยนในวันพุธ (28 พ.ค.) ขณะเดียวกันก็อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8224 ฟรังก์ จากระดับ 0.8270 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3801 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3830 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1375 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1294 ดอลลาร์ในวันพุธ ส่วนเงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3498 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3470 ดอลลาร์
ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ในกรุงนิวยอร์กมีคำสั่งในวันพุธ (28 พ.ค.) ให้ระงับการใช้มาตรการภาษีศุลกากรของปธน.ทรัมป์ โดยศาลวินิจฉัยว่าปธน.ทรัมป์ใช้อำนาจเกินขอบเขต เนื่องจากรัฐธรรมนูญสหรัฐให้อำนาจแก่รัฐสภาในการกำหนดกฎเกณฑ์ด้านการค้ากับประเทศอื่น ๆ โดยไม่สามารถถูกแทนที่ด้วยอำนาจฉุกเฉินของประธานาธิบดี
อย่างไรก็ดี ศาลอุทธรณ์ของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ได้ระงับคำตัดสินของศาลการค้าเป็นการชั่วคราวในวันพฤหัสบดี เพื่อพิจารณาคำอุทธรณ์จากฝ่ายรัฐบาล โดยเอกสารที่ยื่นต่อศาลอุทธรณ์เมื่อวานนี้ กระทรวงยุติธรรมสหรัฐระบุว่า คำตัดสินของศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐเมื่อวันพุธได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินการทางการทูตของรัฐบาล และแทรกแซงอำนาจเฉพาะตัวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในการดำเนินนโยบายต่างประเทศ รัฐบาลจึงร้องขอให้ศาลอุทธรณ์ระงับคำตัดสินของศาลการค้าระหว่างประเทศเป็นการชั่วคราว ขณะที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอุทธรณ์อย่างเป็นทางการ
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานล่าสุด กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2568 โดยระบุว่า GDP หดตัว 0.2% ขณะที่ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ระบุว่าหดตัว 0.3% หลังจากมีการขยายตัว 2.4% ในไตรมาส 4/2567
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก เพิ่มขึ้น 14,000 ราย สู่ระดับ 240,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 226,000 ราย
ทางด้านสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ดิ่งลง 6.3% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 71.3 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 1.0%
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐฯ ในวันนี้ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)