กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี (5 มิ.ย.) ว่า ไม่มีประเทศคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐฯ รายใดที่มีพฤติกรรมแทรกแซงค่าเงินในช่วง 4 ไตรมาสที่สิ้นสุด ณ เดือนธ.ค. 2567 อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ได้เพิ่มรายชื่อประเทศที่ต้องจับตาด้านค่าเงินเป็น 9 ประเทศ โดยเพิ่มไอร์แลนด์และสวิตเซอร์แลนด์ในรายชื่อดังกล่าว
ส่วน 7 ประเทศที่ยังคงอยู่ในรายชื่อเดิมได้แก่ เยอรมนี จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ไต้หวัน และเวียดนาม ซึ่งล้วนเป็นประเทศที่มีบทบาทสำคัญทางเศรษฐกิจและการค้ากับสหรัฐฯ
รายงานเมื่อเดือนพ.ย. 2567 ระบุว่า ไม่มีคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐฯ รายใดที่มีพฤติกรรมแทรกแซงค่าเงินในช่วง 12 เดือนก่อนหน้าที่สิ้นสุดในเดือนมิ.ย. 2567 และตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนดำรงตำแหน่งก็ไม่มีประเทศใดถูกประกาศว่าเป็นประเทศที่แทรกแซงค่าเงินเลย
ทั้งนี้ รายชื่อประเทศที่ถูกจับตาเรื่องค่าเงินนี้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่สมัยของประธานาธิบดีบารัค โอบามาในเดือนเม.ย. 2559 หลังจากที่สหรัฐฯ บังคับใช้กฎหมายส่งเสริมและบังคับใช้การค้า (Trade Facilitation and Trade Enforcement Act) ปี 2558
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ใช้เกณฑ์ 3 ข้อในการพิจารณาว่าประเทศใดอาจแทรกแซงค่าเงิน ได้แก่ การมีดุลการค้าเกินดุลกับสหรัฐฯ อย่างน้อย 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ, มียอดเกินดุลบัญชีเดินสะพัดมากกว่า 3% ของ GDP และทำการแทรกแซงตลาดอัตราแลกเปลี่ยนผ่านการซื้อเงินตราต่างประเทศอย่างต่อเนื่องในทางเดียว โดยประเทศที่เข้าเกณฑ์ 2 ใน 3 ข้อนี้ จะถูกขึ้นบัญชีเฝ้าจับตา