สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (10 มิ.ย.) หลังมีสัญญาณบ่งชี้ว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนมีความคืบหน้า ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้แนวโน้มเงินเฟ้อและทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.16% แตะที่ระดับ 99.099
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 144.96 เยน จากระดับ 144.56 เยนในวันจันทร์ (9 มิ.ย.) ขณะเดียวกันก็แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8230 ฟรังก์ จากระดับ 0.8213 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3690 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3677 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1420 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1428 ดอลลาร์ ส่วนเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3494 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3563 ดอลลาร์
เจ้าหน้าที่จีนและสหรัฐฯ ยังคงเดินหน้าเจรจาเพื่อคลี่คลายข้อพิพาททางการค้า โดยโฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ กล่าวว่าการเจรจาเป็นไปด้วยดี และเขาคาดหวังว่าการเจรจาจะสิ้นสุดลงในคืนวันอังคารตามเวลาสหรัฐฯ แต่ก็อาจจะต่อเนื่องไปจนถึงวันพุธหากจำเป็น
ทางด้านปธน.ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า การเจรจากับจีนดำเนินไปด้วยดี แต่ก็ยอมรับว่าจีนเป็นคู่เจรจาที่ "ไม่ง่าย" แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ทรัมป์กล่าวว่านับจนถึงขณะนี้เขาได้รับแต่รายงานที่ดีเกี่ยวกับการเจรจาในครั้งนี้
รายงานระบุว่า สหรัฐฯ ได้แสดงความพร้อมที่ผ่อนคลายข้อจำกัดในการส่งออกเทคโนโลยี หากจีนยอมลดข้อจำกัดในการส่งออกแร่หายากซึ่งเป็นทรัพยากรสำคัญที่ใช้ในผลิตภัณฑ์พลังงาน อาวุธยุทโธปกรณ์ และเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น สมาร์ตโฟน เครื่องบินขับไล่ และเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ โดยจีนเป็นผู้ผลิตแร่หายากเกือบ 70% ของตลาดโลก
สหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB) แถลงในวันนี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมปรับตัวขึ้น 3 จุด สู่ระดับ 98.8 ในเดือนพ.ค. โดยเป็นการดีดตัวขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2567
ดัชนีความเชื่อมั่นได้รับแรงหนุนจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศลดการเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้านำเข้าจากจีนสู่ระดับ 30% จากเดิมที่ระดับ 145%
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนี CPI ของสหรัฐฯ ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI จะเพิ่มขึ้น 2.5% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.3% ในเดือนเม.ย. และคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 2.9% ในเดือนพ.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.8% ในเดือนเม.ย.