สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (24 ก.ค.) หลังมีสัญญาณบ่งชี้ถึงความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากข้อมูลที่บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.17% แตะที่ระดับ 97.377
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 146.92 เยน จากระดับ 146.47 เยนในวันพุธ (23 ก.ค.) ขณะเดียวกันก็แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.7944 ฟรังก์ จากระดับ 0.7927 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3640 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3600 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1766 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1771 ดอลลาร์ในวันพุธ ส่วนเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3516 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3579 ดอลลาร์
ดอลลาร์ได้แรงหนุนจากการที่สหรัฐฯ บรรลุข้อตกลงการค้ากับญี่ปุ่น และสัญญาณที่บ่งชี้ว่าสหรัฐฯ ใกล้จะบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหภาพยุโรป (EU) ขณะเดียวกันนักลงทุนรอดูผลการเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่จีนและสหรัฐฯ ที่ประเทศสวีเดนในสัปดาห์หน้า โดยสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ได้แสดงความเชื่อมั่นว่าทั้งสองฝ่ายจะเห็นพ้องให้มีการขยายกำหนดเส้นตายการเรียกเก็บภาษีสินค้าจีน จากเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่ 12 ส.ค. เพื่อเปิดทางให้สหรัฐฯ และจีนยังสามารถเจรจาข้อตกลงการค้าต่อไป
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 4,000 ราย สู่ระดับ 217,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 227,000 ราย
ทางด้านเอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 54.6 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน จากระดับ 52.9 ในเดือนมิ.ย.
ดัชนี PMI ได้รับปัจจัยบวกจากการขยายตัวของการจ้างงาน แม้ว่าความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจลดลง ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากนโยบายของรัฐบาล โดยเฉพาะมาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ดัชนี PMI ยังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้การขยายตัวของภาคธุรกิจสหรัฐฯ โดยได้รับแรงหนุนจากการขยายตัวของภาคบริการ
นักลงทุนจับตาประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ซึ่งเดินทางเยือนสำนักงานของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในช่วงเช้าตรู่วันนี้ตามเวลาไทย โดยคาดว่าการเผชิญหน้ากันระหว่างปธน.ทรัมป์และพาวเวลจะเป็นการกดดันและแทรกแซงความเป็นอิสระในการดำเนินนโยบายของเฟด โดยที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์มักวิพากษ์วิจารณ์พาวเวลจากการที่เฟดยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับสูง