สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (12 ส.ค.) หลังสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ค.ที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ ซึ่งทำให้นักลงทุนเพิ่มน้ำหนักต่อการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.43% แตะที่ระดับ 98.097
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 147.73 เยน จากระดับ 148.14 เยนในวันจันทร์ (11 ส.ค.) ขณะเดียวกันก็อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8074 ฟรังก์ จากระดับ 0.8123 ฟรังก์ และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3777 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3778 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1669 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1612 ดอลลาร์ในวันจันทร์ ส่วนเงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3496 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3436 ดอลลาร์
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมิ.ย. ส่วนเมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI เดือนก.ค.เพิ่มขึ้น 2.7% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.8% หลังจากที่ปรับตัวขึ้น 2.7% เช่นกันในเดือนมิ.ย.
ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนมิ.ย. และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พื้นฐานเดือนก.ค. พุ่งขึ้น 3.1% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.9% ในเดือนมิ.ย.
หลังการเปิดเผยข้อมูล CPI นักลงทุนให้น้ำหนัก 98% ต่อการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนก.ย. จากก่อนหน้านี้ที่ให้น้ำหนัก 89%
ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาข้อมูลด้านอื่น ๆ ในสัปดาห์นี้เพื่อสัญญาณที่ชัดเจนเพิ่มเติม โดยในวันพฤหัสบดีนี้ สหรัฐฯ จะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ค.
ส่วนในวันศุกร์จะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนก.ค., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนก.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนส.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, ยอดค้าปลีกเดือนก.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนส.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน