เจ้าหน้าที่สหภาพยุโรป (EU) กำลังแสดงความกังวลว่า กฎหมายใหม่ของสหรัฐฯ อาจยิ่งเร่งให้โทเคนดิจิทัลที่อิงกับดอลลาร์สหรัฐฯ เติบโตขึ้น และมองว่า การผลักดันยูโรดิจิทัลเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อปกป้องความเป็นผู้นำของเงินยูโรในภูมิภาคยุโรป
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากสภาคองเกรสของสหรัฐฯ ผ่านกฎหมายสำคัญเพื่อกำกับดูแลตลาดสเตเบิลคอยน์มูลค่า 2.88 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่อิงกับเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยกฎหมายดังกล่าวมีชื่อว่า Genius Act ซึ่งได้รับการผลักดันจากอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี
รายงานของไฟแนนเชียลไทม์ส ระบุว่า กฎหมายของสหรัฐฯ ดังกล่าวได้สร้างแรงกระเพื่อมในยุโรปอย่างมาก โดยเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายชี้ว่า ต้องเร่งผลักดันแผนสำหรับยูโรดิจิทัลซึ่งถูกทบทวนอีกครั้งภายหลังจากที่สหรัฐฯ บังคับใช้กฎหมายดังกล่าว
สเตเบิลคอยน์ถือเป็นโทเคนดิจิทัลที่มีการตรึงมูลค่าแบบหนึ่งต่อหนึ่งกับสกุลเงินที่ออกโดยรัฐบาล และมีสินทรัพย์สำรองสนับสนุน เช่น พันธบัตรรัฐบาล
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ขณะนี้มีการพิจารณาความเป็นไปได้ในการใช้บล็อกเชนสาธารณะ เช่น Ethereum หรือ Solana สำหรับยูโรดิจิทัล แทนที่จะเป็นบล็อกเชนแบบปิด (private blockchain) ตามแผนก่อนหน้านี้ซึ่งมีเหตุผลมาจากความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เองก็ศึกษาเรื่องยูโรดิจิทัลมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว โดยตั้งเป้าให้ประชาชนสามารถใช้ได้ฟรีโดยไม่มีค่าธรรมเนียมครอบคลุมทั่วเขตยูโรโซน ขณะที่ผู้สนับสนุนมองว่า เงินดิจิทัลนี้จะช่วยให้ผู้คนเข้าถึงวิธีการชำระเงินที่ได้รับการสนับสนุนโดยธนาคารกลางในช่วงที่การใช้เงินสดลดลง อีกทั้งยังมีส่วนช่วยส่งเสริมสถานะของเงินยูโรในเวทีโลกด้วย