สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (23 ก.ย.) หลังจากนักลงทุนประเมินถ้อยแถลงของเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งระบุว่า ในการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยในวันข้างหน้านั้น เฟดจำเป็นต้องพิจารณาทั้งในเรื่องความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อและตลาดแรงงานที่อ่อนแอลง ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.08% แตะที่ 97.264
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 147.59 เยน จากระดับ 147.73 เยนในวันจันทร์ (22 ก.ย.) และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.7916 ฟรังก์ จากระดับ 0.7925 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3850 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3821 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1811 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1797 ดอลลาร์ในวันจันทร์ ส่วนเงินปอนด์ทรงตัวเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3517 ดอลลาร์
พาวเวลกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมที่ Greater Providence Chamber of Commerce (GPCC) เมื่อคืนนี้ตามเวลาไทย โดยเขากล่าวว่า ความเสี่ยงระยะสั้นของเงินเฟ้อมีแนวโน้มอยู่ในช่วงขาขึ้น ส่วนความเสี่ยงของการจ้างงานมีแนวโน้มไปทางขาลง ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ที่ท้าทาย โดยความเสี่ยงที่มาจากทั้งสองด้านเช่นนี้หมายความว่าไม่มีเส้นทางใดที่ปราศจากความเสี่ยง ในช่วงเวลาเช่นนี้ หน้าที่ของเฟดคือการสร้างความสมดุลให้กับภารกิจทั้งสองด้านของเฟด คือ การรักษาเสถียรภาพด้านราคาและการทำให้การจ้างงานเต็มศักยภาพ
สถานการณ์ที่พาวเวลกล่าวถึงนั้น สอดคล้องกับภาวะ stagflation ซึ่งหมายถึงภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวที่เกิดขึ้นพร้อมกับเงินเฟ้อที่สูงขึ้น แม้ว่าสถานการณ์ในปัจจุบันไม่รุนแรงเท่ากับที่สหรัฐฯ เคยเผชิญในช่วงทศวรรษ 1970 และต้นทศวรรษ 1980 แต่ก็ยังเป็นโจทย์ที่ท้าทายต่อการดำเนินนโยบายการเงินของเฟด
นักวิเคราะห์จาก Spartan Capital Securities กล่าวว่า ในการกล่าวสุนทรพจน์ครั้งนี้ พาวเวลแสดงท่าทีสนับสนุนการผ่อนคลายนโยบายการเงิน (dovish) อยู่บ้าง แต่ก็มีท่าทีระมัดระวังด้วยเช่นกัน ซึ่งบ่งชี้ว่าแม้พาวเวลจะเปิดประตูสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีก แต่ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ยครั้งต่อไปเมื่อใดและปรับลดมากเพียงใด
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ เอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 53.6 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน จากระดับ 54.6 ในเดือนส.ค. โดยได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของการจ้างงานและคำสั่งซื้อสินค้าใหม่ แต่ภาคธุรกิจมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นจากการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ย
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้จะมีการเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่เดือนส.ค. ส่วนในวันพฤหัสบดีจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนส.ค., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2568 และยอดขายบ้านมือสองเดือนส.ค. จากนั้นในวันศุกร์จะมีการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนส.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน