สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (26 ก.ย.) แต่ยังคงแข็งค่าขึ้นเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน หลังข้อมูลเศรษฐกิจสะท้อนความแข็งแกร่งของสหรัฐฯ ซึ่งอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีความยากลำบากมากขึ้นในการดำเนินการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.41% แตะที่ 98.152
ดอลลาร์สหรัฐอยู่ที่ 149.44 เยนในวันศุกร์ (26 ก.ย.) ลดลงจาก 149.89 เยนในวันพฤหัสบดี (25 ก.ย.) และร่วงลงมาอยู่ที่ 0.7975 ฟรังก์สวิส จาก 0.8004 ฟรังก์สวิส รวมถึงอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ 1.3937 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.3943 ดอลลาร์แคนาดา
ส่วนยูโรแข็งค่าขึ้นแตะ 1.1704 ดอลลาร์ในวันศุกร์ จากระดับ 1.1653 ดอลลาร์ในวันพฤหัสบดี ขณะที่เงินปอนด์อังกฤษเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.3410 ดอลลาร์ จาก 1.3335 ดอลลาร์
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายผู้บริโภคสหรัฐฯ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 2 ใน 3 ของกิจกรรมเศรษฐกิจ เพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนส.ค. สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ที่รอยเตอร์สำรวจคาดไว้ที่ 0.5% ขณะที่ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเฟดใช้เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อหลัก เพิ่มขึ้น 0.3% สอดคล้องกับการคาดการณ์
นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งได้ลดแรงหนุนสำหรับการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก ทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยกับประเทศอื่นแคบลง และเป็นปัจจัยหนุนค่าเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ลดลงในวันศุกร์ แต่ปรับตัวขึ้นในรอบสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน
โธมัส บาร์กิน ประธานเฟดสาขาริชมอนด์กล่าวว่า ความเสี่ยงที่อัตราว่างงานหรือเงินเฟ้อจะพุ่งสูงนั้นเป็นไปอย่างจำกัด ทำให้เฟดสามารถรักษาสมดุลระหว่างเป้าหมายทั้งสองได้ในการพิจารณาลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม ขณะที่มิเชล โบว์แมน รองประธานเฟดด้านการกำกับดูแลระบุว่า เฟดใกล้บรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% แล้ว และเชื่อว่าจำเป็นต้องลดดอกเบี้ยเพื่อป้องกันปัญหาในตลาดแรงงาน
ปัจจุบันนักลงทุนให้น้ำหนัก 89.8% ต่อความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งหน้า โดยลดลงจากเกือบ 92% เมื่อสัปดาห์ก่อน ตามข้อมูลจาก CME FedWatch Tool
นักวิเคราะห์ของแบงก์ออฟอเมริกากล่าวว่า ค่าเงินดอลลาร์ยังคงอยู่ในกรอบ ขณะนักลงทุนจับตารายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะมีความสำคัญต่อทิศทางของดอลลาร์ในระยะสั้น
ข้อมูลเมื่อวันพฤหัสบดีระบุว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) สหรัฐฯ ไตรมาส 2 ขยายตัว 3.8% หลังมีการปรับประมาณการเพิ่มขึ้น ซึ่งสูงกว่าคาดการณ์