สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (6 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางการเมืองในฝรั่งเศส ขณะที่เงินเยนอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังจากซานาเอะ ทาคาอิจิ ซึ่งมีจุดยืนสนับสนุนการผ่อนคลายนโยบายการเงิน ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ซึ่งจะปูทางให้เธอก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของญี่ปุ่น
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.39% แตะที่ 98.107
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 150.30 เยน จากระดับ 147.50 เยนในวันศุกร์ (3 ต.ค.) แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.7953 ฟรังก์ จากระดับ 0.7954 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3952 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3953 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1713 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1740 ดอลลาร์ในวันศุกร์ ส่วนเงินปอนด์แข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3482 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3480 ดอลลาร์
ยูโรอ่อนค่าลง หลังจากเซบาสเตียน เลอกอร์นู นายกรัฐมนตรีของฝรั่งเศส ประกาศลาออกในวันจันทร์ เพียงไม่กี่สัปดาห์หลังเข้ารับตำแหน่ง ส่งผลให้ฝรั่งเศสตกอยู่ในความวุ่นวายทางการเมืองอีกครั้ง
ทั้งนี้ เลอกอร์นูเพิ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อต้นเดือนก.ย. ที่ผ่านมา ท่ามกลางความท้าทายในการรวมเสียงรัฐสภาที่แตกแยกเพื่อให้ผ่านงบประมาณปี 2569 หลังรัฐบาลชุดก่อนหน้านี้ไม่สามารถออกงบประมาณที่ระบุรายละเอียดการลดรายจ่ายและการปรับขึ้นภาษี โดยเลอกอร์นูนับเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 5 ของฝรั่งเศสในระยะเวลาไม่ถึง 2 ปี ซึ่งการลาออกของเขาเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เมื่อวันอาทิตย์ (5 ต.ค.)
ส่วนเงินเยนอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากซานาเอะ ทาคาอิจิ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายในของญี่ปุ่น ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค LDP และเตรียมขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ว่า ชัยชนะของทาคาอิจิจะลดแนวโน้มที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ ซึ่งจะส่งผลต่อทิศทางของค่าเงินเยนในอนาคต
ทางด้านหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ ถูกชัตดาวน์เป็นวันที่ 6 เนื่องจากสมาชิกพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันในสภาคองเกรสยังไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับการจัดสรรงบประมาณชั่วคราว ซึ่งการชัตดาวน์ส่งผลให้การเผยแพร่ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญต้องถูกเลื่อนออกไป ทำให้นักลงทุนต้องหันไปพึ่งพาข้อมูลจากภาคเอกชนเพื่อประเมินแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับความต้องการสินเชื่อที่อยู่อาศัย และผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่จัดทำโดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน