ราคาคริปโทเคอร์เรนซีร่วงลงอย่างหนัก หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศเตรียมเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 100% และออกมาตรการควบคุมการส่งออกซอฟต์แวร์ ส่งผลให้มีการเทขายเพื่อปิดสถานะการลงทุนมูลค่ารวมกว่า 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ตามข้อมูลจากเว็บไซต์คอยน์กลาส (Coinglass)
บิตคอยน์ร่วงลงมากกว่า 12% ทันทีหลังทรัมป์โพสต์ข้อความประกาศมาตรการดังกล่าวบนแพลตฟอร์มทรูธโซเชียล (Truth Social) โดยบิตคอยน์ซึ่งเป็นเหรียญคริปโทฯ รายใหญ่ที่สุดในตลาดที่เพิ่งทำสถิติสูงสุดใหม่เหนือระดับ 125,000 ดอลลาร์สหรัฐเมื่อต้นสัปดาห์ ปรับตัวลงมาซื้อขายบริเวณ 113,000 ดอลลาร์สหรัฐในช่วงเย็นวันศุกร์ (10 ต.ค.) ที่ตลาดนิวยอร์ก
ก่อนหน้านี้ ตลาดคริปโทฯ มีสัญญาณอ่อนแรงอยู่แล้ว โดยในช่วง 24 ชั่วโมงก่อนหน้านั้น มูลค่าการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลราว 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ถูกเทขายล้างพอร์ตเพื่อปิดสถานะการลงทุน ซึ่งรวมถึงสถานะซื้อ (long) มูลค่า 7.5 พันล้านดอลลาร์ และสถานะขาย (short) 1.5 พันล้านดอลลาร์ ถือเป็นการชำระบัญชีครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนเม.ย.
เหรียญขนาดเล็กและสภาพคล่องต่ำได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด โดยเหรียญ XRP ร่วงประมาณ 19%, เหรียญมีม DOGE ดิ่งลงกว่า 27% และเหรียญ ADA ของคาร์ดาโน (Cardano) ทรุดลงราว 25% ภายใน 24 ชั่วโมง
บริษัทโบรกเกอร์ฟอลคอนเอ็กซ์ (FalconX) ระบุว่า การปะทุของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนสร้างความไม่แน่นอนให้กับตลาด และกระตุ้นให้เกิดการเทขายสินทรัพย์เสี่ยง โดยทีมอนุพันธ์ของบริษัทพบว่ามีความต้องการป้องกันความเสี่ยงขาลงเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนตลอดทั้งวัน
ทั้งนี้ ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองประเทศยักษ์ใหญ่ส่งแรงกระเพื่อมไปทั่วตลาดการเงิน กดดันราคาหุ้น น้ำมัน และคริปโทฯ ให้ร่วงลง ขณะเดียวกันนักลงทุนแห่เข้าหาสินทรัพย์ปลอดภัยแทน เช่น พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และทองคำ