ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งค่า หลังทรัมป์ผ่อนคลายท่าทีในสงครามการค้าจีน

ข่าวต่างประเทศ Tuesday October 14, 2025 07:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (13 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ผ่อนปรนท่าทีที่แข็งกร้าวต่อจีนในประเด็นการค้า

ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.3% แตะที่ 99.274

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 152.29 เยน จากระดับ 151.72 เยนในวันศุกร์ (10 ต.ค.) ขณะเดียวกันก็แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8041 ฟรังก์ จากระดับ 0.8013 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.4037 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.4000 ดอลลาร์แคนาดา

ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1568 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1609 ดอลลาร์ในวันศุกร์ ส่วนเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3334 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3346 ดอลลาร์

สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เปิดเผยกับสถานีโทรทัศน์ Fox Business Network ว่า ปธน.ทรัมป์ยังคงมีกำหนดการพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน นอกรอบการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ที่เกาหลีใต้ในช่วงสิ้นเดือนนี้ หลังจากทั้งสองฝ่ายมีการติดต่อสื่อสารกันอย่างจริงจังและสามารถลดระดับความตึงเครียดลงได้อย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากนี้ เบสเซนต์เปิดเผยว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ ยังคงเป็นไปในทางที่ดี และมาตรการภาษี 100% ที่ปธน.ทรัมป์ประกาศว่าจะเรียกเก็บจากจีนนั้น อาจไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้น พร้อมกับเสริมว่า เจ้าหน้าที่จีนและสหรัฐฯ จะมีการหารือกันที่กรุงวอชิงตันในสัปดาห์นี้ นอกรอบการประชุมประจำปีของธนาคารโลก (World Bank) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)

ข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวล หลังจากเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (9 ต.ค.) จีนได้ประกาศมาตรการคุมเข้มการส่งออกแร่หายากและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการผลิตแร่หายาก ส่งผลให้ปธน.ทรัมป์ออกมาตอบโต้ด้วยการประกาศเก็บภาษี 100% สำหรับสินค้าจีนทั้งหมด และคุมเข้มการส่งออกซอฟต์แวร์สำคัญ โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. อย่างไรก็ดี ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (12 ต.ค.) ปธน.ทรัมป์มีท่าทีอ่อนลง โดยเขากล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "ทุกอย่างจะเป็นไปในทางที่ดี และสหรัฐฯ ไม่ต้องการทำร้ายจีน"

นักลงทุนจับตาสถานการณ์ชัตดาวน์หน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด โดยการชัตดาวน์เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 ต.ค. และยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันจะสามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับการผ่านร่างงบประมาณชั่วคราว โดยล่าสุดมีรายงานว่า รัฐบาลทรัมป์ได้เลิกจ้างพนักงานจำนวนหลายสิบคนที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ซึ่งรวมถึงนักระบาดวิทยาและนักวิทยาศาสตร์อาวุโส


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ