ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ปอนด์อ่อนค่า เงินเฟ้ออังกฤษต่ำหนุนคาดการณ์ลดดอกเบี้ย

ข่าวต่างประเทศ Thursday October 23, 2025 07:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

เงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพุธ (22 ต.ค.) หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางอังกฤษจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ และการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้

ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.08% แตะที่ 98.897

เงินปอนด์อ่อนค่าลง 0.5% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหราชอาณาจักร (UK) ทรงตัวที่ระดับ 3.8% ในเดือนก.ย. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 4% และต่ำกว่าที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) คาดการณ์ว่าดัชนี CPI จะพุ่งแตะระดับ 4% ในเดือนก.ย.

หลังการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว นักลงทุนให้น้ำหนัก 75% ในการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางอังกฤษจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากระดับ 46% ก่อนที่สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษจะเปิดเผยข้อมูล CPI

ส่วนเงินเยนฟื้นตัวขึ้น 0.04% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังจากที่อ่อนค่าลงอย่างมากเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากรายงานข่าวที่ว่าซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น เตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในวงเงินสูงกว่า 13.9 ล้านล้านเยน หรือ 9.219 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อช่วยเหลือภาคครัวเรือนในการรับมือกับภาวะเงินเฟ้อ

ทั้งนี้ ทาคาอิจิมีจุดยืนสนับสนุนการผ่อนคลายนโยบายการเงินและใช้มาตรการกระตุ้นด้านการคลังเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ซึ่งจุดยืนดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะทำให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ลังเลที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI จะเพิ่มขึ้น 3.1% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.9% ในเดือนส.ค. และคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะปรับตัวขึ้น 3.1% ในเดือนก.ย. เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 3.1% เช่นกันในเดือนส.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ