ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (14 พ.ย.) ขณะที่บรรดาเทรดเดอร์ทำการประเมินว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีแนวโน้มจะปรับลดดอกเบี้ยหรือไม่ในเดือนธ.ค.
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.14% สู่ระดับ 99.298
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าแตะ 154.56 เยนในวันศุกร์ (14 พ.ย.) จาก 154.47 เยนในวันพฤหัสบดี (13 พ.ย.), ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าแตะ 0.7940 ฟรังก์สวิส จาก 0.7927 ฟรังก์สวิส แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนลงแตะ 1.4026 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.4033 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าลงแตะ 1.1618 ดอลลาร์ในวันศุกร์ จาก 1.1635 ดอลลาร์ในวันพฤหัสบดี ขณะที่ปอนด์อังกฤษอ่อนค่าลงสู่ 1.3165 ดอลลาร์ จาก 1.3190 ดอลลาร์
เจ้าหน้าที่เฟดหลายรายส่งสัญญาณที่ระมัดระวังต่อการผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติม และแสดงความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ โดยสัญญาฟิวเจอร์สอัตราดอกเบี้ยบ่งชี้ว่าโอกาสลดดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนธ.ค. เหลือเพียง 41%
ข้อมูลเศรษฐกิจจำนวนมากที่ล่าช้าเพราะการปิดหน่วยงานรัฐสหรัฐฯ กำลังจะเริ่มทยอยเผยแพร่ตั้งแต่สัปดาห์หน้า
นักวิเคราะห์ระบุว่า ความผันผวนของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยและตลาดเงินจะเพิ่มขึ้นเมื่อข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ กลับมาเผยแพร่ อีกทั้งยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ยของธนาคารกลางอังกฤษและธนาคารกลางญี่ปุ่น
ปอนด์ร่วงลงเมื่อเทียบกับทั้งดอลลาร์และยูโร หลังรายงานข่าวระบุว่า นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ และรัฐมนตรีคลัง เรเชล รีฟส์ ของอังกฤษ ยกเลิกแผนขึ้นภาษีเงินได้ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนทิศทางครั้งใหญ่ก่อนการแถลงงบประมาณวันที่ 26 พ.ย.นี้
ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ขณะที่รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ระบุในวันศุกร์ว่า สหรัฐฯ จะลดภาษีสินค้านำเข้าจากสวิตเซอร์แลนด์ลงเหลือ 15% จากเดิมที่สูงถึง 39% ภายใต้กรอบข้อตกลงการค้าใหม่