ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันจันทร์ (1 ธ.ค.) เนื่องจากกระแสคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ยังคงสร้างแรงกดดันต่อดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ก่อนที่การประชุมนโยบายการเงินของเฟดจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.03% แตะที่ 99.415
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 155.48 เยน จากระดับ 156.12 เยนในวันศุกร์ (30 พ.ย.) แต่แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8044 ฟรังก์ จากระดับ 0.8035 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3997 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3973 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1608 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1602 ดอลลาร์ในวันศุกร์ ส่วนเงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.3213 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3247 ดอลลาร์
ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน หลังจากคาซูโอะ อุเอดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กล่าวว่า การที่ BOJ ล่าช้าในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย อาจทำให้เงินเฟ้อของญี่ปุ่นพุ่งสูงขึ้นจนใกล้เคียงกับสหรัฐฯ และยุโรป พร้อมกับเตือนว่า เงินเฟ้อในระดับสูงอาจทำให้ BOJ ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างมาก ซึ่งจะก่อให้เกิดความปั่นป่วนทางเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ BOJ มีกำหนดจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันที่ 18-19 ธ.ค.
นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์หน้า หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนได้แสดงความเห็นสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม ซึ่งรวมถึงคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการเฟด และจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก
เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 85.4% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับลดดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ติดต่อกัน
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนประจำเดือนพ.ย.จาก ADP ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพุธ และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนก.ย. ซึ่งจะเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐฯ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตปรับตัวลงสู่ระดับ 48.2 ในเดือนพ.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 48.8 จากระดับ 48.7 ในเดือนต.ค.
ทั้งนี้ ดัชนียังคงปรับตัวต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะหดตัวของภาคการผลิตสหรัฐฯ โดยเป็นการหดตัวเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกัน เพราะได้รับผลกระทบจากการร่วงลงของคำสั่งซื้อใหม่และการจ้างงาน